คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าห้องของโจทก์โดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ค่าเช่าคิดกันรายเดือนโดยถือเอาวันที่ 1 ของทุก ๆเดือนเป็นเกณฑ์ชำระ โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยในวันที่ 19 ตุลาคม 2502 แม้จะได้แจ้งไปในหนังสือบอกกล่าวด้วยว่าให้จำเลยขนย้ายออกไปภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2502 น้อยกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจนเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2503 คำบอกกล่าวของโจทก์มีผลใช้ด้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชญื มาตรา 566

ย่อยาว

คดีฟ้องขับไล่จากห้องเช่า คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า ห้องพิพาทอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง และอยู่ในทำเลการค้า การเช่าไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ค่าเช่าคิดเป็นรายเดือน ถือเอาวันที่ ๑ ของทุก ๆ เดือนเป็นเกณฑ์ชำระ จำเลยมีอาชีพรับจ้างทำทองรูปพรรณในห้องพิพาทและยังรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าด้วย จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าจากโจทก์ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๐๒ แล้ว ค่าเสียหายตกลงกันว่าเดือนละ ๓๕ บาท
คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกา แต่ในข้อกฎหมายว่าโจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๖ แล้วหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นต้องกันว่าโจทก์ได้บอกกล่าวโดยชอบแล้ว
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การบอกกล่าวเลิกสัญญาในกรณีนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๖ ต้องการให้โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรู้ตัวก่อนชั่วระยะเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย คืออย่างน้อย ๑ เดือน ที่เป็นระยะเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งเท่านั้น และไม่ได้กำหนดแบบพิธีการบอกกล่าวไว้ โจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยในวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๐๒ จนกระทั่งวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๐๓ จึงฟ้องคดี เท่ากับได้ให้จำเลยรู้ตัวตั้งแต่วันที่ ๑ ถึง ๓๐ พฤศจิกายน ครบกำหนดตามกฎหมายก่อนฟ้องแล้ว ที่โจทก์แจ้งไปในหนังสือบอกกล่าวด้วยว่าให้จำเลยขนย้ายออกไปภายในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๐๒ นั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจนเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว คำบอกกล่าวของโจทก์ก็คงมีผลใช้ได้ ดังนับคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๔๕/๒๔๙๐ พิพากษายืน

Share