แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลย และให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 5 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องฎีกา แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งคนละวันกับวันที่จำเลยยื่นฎีกาโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อทราบคำสั่งของศาลในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ตามแต่ในคำฟ้องฎีกามีข้อความให้ผู้ฎีกามาทราบคำสั่งของศาลตามวันที่กำหนด ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว และผู้รับมอบฉันทะของทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบไว้ตอนท้ายข้อความ กรณีเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลแล้ว การที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาที่จำเลยอ้างว่าผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมไม่ใช่เหตุที่จะอ้างได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ ตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องไม่มีมูลหนี้ โจทก์รับตั๋วสัญญาใช้เงินไว้โดยคบคิดกันฉ้อฉล และคดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 126,840,453.61 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 68,459,586.34 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16 ต่อปีจากต้นเงินจำนวน 4,300,000 บาท โดยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา และให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาแก่โจทก์ภายใน 5 วัน ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2535 หัวหน้าฝ่ายเดินหมายและประกาศ กรมบังคับคดีรายงานว่าจำเลยไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยและให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 5 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องฎีกา แม้จะปรากฏว่าจำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม2535 และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 18 สิงหาคม 2535 โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อทราบคำสั่งของศาลในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ตาม แต่ในคำฟ้องฎีกาดังกล่าวมีข้อความให้ผู้ฎีกามาทราบคำสั่งของศาลในวันที่ 24 สิงหาคม 2535 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว และผู้รับมอบฉันทะของทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบไว้ตอนท้ายข้อความ กรณีเช่นนี้จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2535 แล้ว การที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา ที่จำเลยยื่นคำร้องว่า ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมนำส่งสำเนาฎีกา มิได้จงใจไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้น ก็มิใช่เหตุที่จะพึงอ้างได้”
จึงให้ยกคำร้องของจำเลยและจำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา