คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4355/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องโจทก์ทั้งสองได้อ้างเหตุเพียงว่า การที่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดรับจดทะเบียนการเพิ่มทุน แก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ และเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทจากโจทก์ที่ 1 เป็น ช.แทนตามคำขอจดทะเบียนนั้น เป็นเพราะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทหลงเชื่อตามรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ ช.และ ย.ร่วมกันจัดทำขึ้นโดยเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงไม่มีการประชุมกันแต่อย่างใด และโจทก์ที่ 1 ก็มิได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท โจทก์ทั้งสองมิได้อ้างว่าการรับจดทะเบียนดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 1 เพราะเหตุนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการจดทะเบียนนั้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งการทำรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทและนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทก็มิได้เป็นผู้จัดทำรายงานการประชุมดังกล่าว แม้รายงานการประชุมนั้นเป็นรายงานเท็จ ผู้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ก็มิใช่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยในฐานะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนตามคำขอจดทะเบียนดังกล่าวได้ ส่วนโจทก์ที่ 2 เป็นเพียงผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจจัดการ ทำกิจการหรือประกอบกิจการของบริษัท เพราะบริษัทจำกัดกฎหมายให้มีกรรมการจัดการตามข้อบังคับของบริษัทไว้แล้ว กรรมการบริษัทเพียงแต่อยู่ในความครอบงำของที่ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นทั้งปวง ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการได้ ในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้องผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1169 วรรคแรก ดังนั้น สิทธิของโจทก์ที่ 2 เกี่ยวกับกิจการของบริษัทจำกัดที่ตนถือหุ้นจึงมีอยู่เพียงการฟ้องร้องกรรมการที่ทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัทเท่านั้น หามีสิทธิฟ้องบุคคลภายนอกเกี่ยวกับกิจการของบริษัทจำกัดไม่ กรณีที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมเพิกถอนการจดทะเบียนตามคำขอจดทะเบียนดังกล่าวหาได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ไม่ โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท พี.เอส.โฮเต็ล จำกัด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทตลอดมา และโจทก์ที่ 2 เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าว นับแต่เริ่มจดทะเบียนตั้งบริษัทจนถึงขณะฟ้องคดีบริษัทดังกล่าวไม่เคยจัดประชุมใหญ่เปลี่ยนแปลงกรรมการของบริษัท แต่นายเชิดชัย พินธุโสภณและนายยงยุทธ พินธุโสภณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวได้ร่วมกันทำรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2526อันเป็นเท็จโดยไม่มีการประชุมกันจริงขึ้นว่า บริษัทดังกล่าวได้จัดประชุมและที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เพิ่มทุนของบริษัทดังกล่าวอีก 10 ล้านบาท และให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทดังกล่าวในข้อ 5 เป็นว่า ทุนของบริษัทดังกล่าวกำหนดไว้เป็นจำนวน 30 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 30,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ1,000 บาท และทำรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2527อันเป็นเท็จขึ้นว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2527 บริษัทดังกล่าวได้จัดประชุม ที่ประชุมได้ลงมติเป็นเอกฉันท์รับรองรายงานการประชุมและยืนยันมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2526ทำให้มีผลเป็นมติพิเศษตามกฎหมาย ทั้งยังรายงานด้วยว่า อนุมัติให้โจทก์ที่ 1 ออกจากกรรมการ แล้วแต่งตั้งนายยงยุทธเป็นกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนต่อไป นายเชิดชัยและนายยงยุทธได้นำรายงานการประชุมอันเป็นเท็จทั้งสองฉบับไปแสดงต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยอง พร้อมทั้งแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเป็นเหตุให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยองหลงเชื่อว่ามีการประชุมตามรายงานการประชุมทั้งสองฉบับดังกล่าว จึงรับจดทะเบียนเพิ่มทุนแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิและเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทดังกล่าวจากโจทก์ที่ 1 มาเป็นนายยงยุทธ โจทก์ที่ 1 ได้มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือถึงจำเลยในฐานะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยองผู้มีอำนาจและหน้าที่ในการเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัทที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเสียได้ ให้ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 เสีย ตามหนังสือบอกกล่าวเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 6 จำเลยกลับมีหนังสือตอบปฏิเสธ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง ขอให้เพิกถอนรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2526 และครั้งที่ 1/2527 ของบริษัทพี.เอส.โฮเต็ล จำกัด เพิกถอนการจดทะเบียนเพิ่มทุนและการเปลี่ยนแปลงกรรมการของบริษัทดังกล่าว ให้การจดทะเบียนในคำขอจดทะเบียนก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงคงมีผลสมบูรณ์ และบังคับจำเลยให้ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 เสียหากจำเลยไม่ปฏิบัติ ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2527 นายเชิดชัยพินธุโสภณ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการผูกพันบริษัท พี.เอส.โฮเต็ลจำกัด ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัดพร้อมเอกสารประกอบครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนของคำสั่ง ระเบียบ และกฎหมาย นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยองรับจดทะเบียนให้เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้วตามฟ้องโจทก์ทั้งสองมิได้กล่าวอ้างว่า การรับจดทะเบียนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเกิดจากการกระทำของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยอง โจทก์ทั้งสองเพียงแต่กล่าวอ้างว่า การรับจดทะเบียนไม่ชอบเพราะเกิดจากการทำเอกสารเท็จขึ้นโดยนายเชิดชัยและนายยงยุทธซึ่งเป็นบุคคลนอกฟ้อง จำเลยไม่มีส่วนร่วมแต่อย่างใดผู้ที่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสองจึงได้แก่นายเชิดชัยและนายยงยุทธ หาใช่จำเลยหรือนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยองไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์ทั้งสองได้อ้างเหตุเพียงว่า การที่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยองรับจดทะเบียนการเพิ่มทุน แก้ไขหนังสือบริคนห์สนธิ และเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทพี.เอส.โฮเต็ล จำกัด จากโจทก์ที่ 1 เป็นนายเชิดชัย พินธุโสภณแทนตามคำขอจดทะเบียนเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 ไปนั้น เป็นเพราะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทหลงเชื่อตามรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2526 และครั้งที่ 1/2527 ของบริษัทพี.เอส.โฮเต็ล จำกัด ที่นายเชิดชัยและนายยงยุทธ พินธุโสภณร่วมกันจัดทำขึ้นโดยเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงไม่มีการประชุมกันแต่อย่างใด และโจทก์ที่ 1 ก็มิได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว โจทก์ทั้งสองมิได้อ้างว่าการรับจดทะเบียนดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 1 เพราะเหตุนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในการจดทะเบียนนั้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ทั้งการทำรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทพี.เอส.โฮเต็ล จำกัด ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทและนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทก็มิได้เป็นผู้จัดทำรายงานการประชุมดังกล่าว แม้จะฟังว่ารายงานการประชุมนั้นเป็นรายงานเท็จ ผู้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ก็มิใช่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยในฐานะนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดระยองดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนตามคำขอจดทะเบียนเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 ได้ ส่วนโจทก์ที่ 2 ก็เป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่มีอำนาจจัดการ ทำกิจการหรือประกอบกิจการของบริษัท เพราะบริษัทจำกัดกฎหมายให้มีกรรมการจัดการตามข้อบังคับของบริษัทไว้แล้ว กรรมการบริษัทเพียงแต่อยู่ในความครอบงำของที่ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นทั้งปวง ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการได้ ในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1169 วรรคแรก ดังนั้น สิทธิของโจทก์ที่ 2 เกี่ยวกับกิจการของบริษัทจำกัดที่ตนถือหุ้นจึงมีอยู่เพียงการฟ้องร้องกรรมการที่ทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัทเท่านั้น หามีสิทธิฟ้องบุคคลภายนอกเกี่ยวกับกิจการของบริษัทจำกัดไม่ กรณีที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมเพิกถอนการจดทะเบียนตามคำขอจดทะเบียนเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5ดังกล่าวหาได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ไม่ โจทก์ที่ 2จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน

Share