คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8522/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1061 วรรคสาม ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันจัดทำหรือให้บุคคลอื่นซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้แต่งตั้งขึ้นนั้นเป็นผู้จัดทำ ซึ่งตามมาตรา 1061 วรรคสี่ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ฉะนั้นในกรณีที่ไม่อาจหาเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วนได้ ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีให้ โดยเฉพาะกรณีที่มีการฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนไม่อาจตกลงกันในเรื่องผู้ชำระบัญชีได้ ศาลย่อมมีอำนาจแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี ได้ตามที่เห็นสมควรแม้คู่กรณีจะเสนอผู้ใดมาโดยเฉพาะก็ตาม การแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีจึงไม่ขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 1061 แต่อย่างไรก็ตามการตกลงเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญตามฟ้องมีผู้เป็นหุ้นส่วนเพียง 2 คน คือโจทก์และจำเลยซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันทั้งไม่ประสงค์เป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน หากแต่งตั้งจำเลยหรือโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีเพียงคนเดียวหรือเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะต้องเกิดปัญหาในการชำระบัญชีไม่ร่วมมือกัน เป็นอุปสรรคแก่การชำระบัญชีและไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย จึงเห็นสมควรแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนแทนจำเลย
โจทก์ฟ้องแทนห้างหุ้นส่วน เมื่อตามคำฟ้องและอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งกระทำแทนห้างหุ้นส่วนมีคำขอบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่ห้างหุ้นส่วน จึงถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นเงินแก่ห้างหุ้นส่วน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ห้างหุ้นส่วนโดยโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยคืนเงินเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วน 1,814,105 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหรือวันเสร็จสิ้นการชำระบัญชีแก่ห้างหุ้นส่วน ให้จำเลยใช้ค่าขาดรายได้ถึงวันฟ้อง 800,000 บาท และค่าเสียหายแก่ห้างหุ้นส่วนวันละ 40,000 บาท จนกว่าการชำระบัญชีเสร็จสิ้น
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชี ให้โจทก์หยุดการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป นำเงินที่เรียกเก็บจากลูกค้าคืนเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วน 8,601,980 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหรือวันเสร็จสิ้นการชำระบัญชี และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายเนื่องจากห้างหุ้นส่วนไม่อาจประกอบกิจการได้ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,000,000 บาท และค่าเสียหายวันละ 50,000 บาท จนกว่าจะชำระบัญชีเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนสามัญตามฟ้องเลิกกัน และให้แต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองฝ่ายให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยเป็นหุ้นส่วนกันทำกิจการตัดเย็บเสื้อผ้ามีโรงงานเป็นห้องแถว 4 ห้อง ตกลงให้นำเงินที่ได้จากกิจการฝากในบัญชีธนาคารที่โจทก์และจำเลยมีชื่อร่วมกันตาม โจทก์และจำเลยมีปัญหาทะเลาะกันต่างฝ่ายอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งนำเงินที่ได้จากกิจการไปเป็นของส่วนตัว ไม่อาจดำเนินกิจการร่วมกันต่อไปได้ ระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นโจทก์และจำเลยตกลงกันแบ่งห้องแถวคนละ 2 ห้อง และไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนตามคำขอของโจทก์และจำเลย
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีคนเดียวขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 หรือไม่ และสมควรตั้งโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีหรือไม่ เห็นว่า การชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 วรรคสาม ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันจัดทำหรือให้บุคคลอื่นซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้แต่งตั้งขึ้นนั้นเป็นผู้จัดทำ ซึ่งตามมาตรา 1061 วรรคสี่ การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ฉะนั้นในกรณีที่ไม่อาจหาเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วนได้ ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีให้ โดยเฉพาะกรณีที่มีการฟ้องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วน ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนไม่อาจตกลงกันในเรื่องผู้ชำระบัญชีได้ ฉะนั้นการตั้งผู้ชำระบัญชีโดยคำสั่งศาล ศาลย่อมมีอำนาจแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีได้ตามที่เห็นสมควรแม้คู่กรณีจะเสนอผู้ใดมาโดยเฉพาะก็ตาม การแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีจึงไม่ขัดต่อมาตรา 1061 ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนเพียงคนเดียวนั้น บันทึกดังกล่าวมีข้อความระบุว่า “ข้าพเจ้า น.ส.ดุษฎี จะไม่มาทวงสิทธิในผลประโยชน์ทางธุรกิจใด ๆ ทั้งสิ้น จะไม่มาเกี่ยวข้อง รังควาญ ทั้งต่อบุคคลและทรัพย์สิน หากกระทำผิดไปจากนี้จะยินยอมรับว่ามีความผิดตามกฎหมาย ในข้อหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำข้างต้น” อันมีลักษณะแสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะดำเนินธุรกิจร่วมกับโจทก์อีกต่อไปเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ชี้ให้เห็นเจตนาว่าจำเลยตกลงให้โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแต่อย่างใด ทั้งยังปรากฏตามคำเบิกความของโจทก์อีกว่า หลังจากจำเลยทำบันทึก จำเลยยังคงทำหน้าที่เก็บเงินค่าสินค้าจากลูกค้าตามปกติและนำเงินเข้าบัญชี จึงไม่เชื่อว่าจำเลยประสงค์ไปเป็นพนักงานขายสินค้าแอมเวย์และทำบันทึกดังกล่าวด้วยความสมัครใจดังที่โจทก์กล่าวอ้าง พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทำบันทึกโดยไม่สมัครใจและไม่เป็นข้อตกลงให้โจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนเพียงคนเดียว แต่อย่างไรก็ตามการตกลงเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญตามฟ้องมีผู้เป็นหุ้นส่วนเพียง 2 คน คือโจทก์และจำเลยซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันทั้งไม่ประสงค์เป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน เช่นนี้หากแต่งตั้งจำเลยหรือโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีเพียงคนเดียวหรือเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกัน ย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะต้องเกิดปัญหาในการชำระบัญชี ไม่ร่วมมือกัน เป็นอุปสรรคแก่การชำระบัญชี และไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่แต่งตั้งโจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีจึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น การที่ศาลล่างทั้งสองแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ชำระบัญชีคนเดียว ศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วย ดังนั้นศาลฎีกามีอำนาจแต่งตั้งบุคคลอื่นซึ่งถือว่าเป็นคนกลางเป็นผู้ชำระบัญชีได้ และเห็นสมควรแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนแทนจำเลย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อสุดท้ายว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ฟ้องในนามส่วนตัวในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วน โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยใช้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดแก่โจทก์ แต่เป็นการขอให้ศาลบังคับให้จำเลยนำเงินของห้างหุ้นส่วนไปเก็บไว้ที่ห้างหุ้นส่วนและขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ห้างหุ้นส่วน ซึ่งถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยก็มีสิทธิในเงินตามคำพิพากษานั้นกึ่งหนึ่งในฐานะหุ้นส่วน โจทก์จึงฟ้องคดีอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องแทนห้างหุ้นส่วน เมื่อตามคำฟ้องและอุทธรณ์ของโจทก์ซึ่งกระทำแทนห้างหุ้นส่วนมีคำขอบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่ห้างหุ้นส่วน จึงถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เป็นเงินแก่ห้างหุ้นส่วน กรณีจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ห้างหุ้นส่วนโดยโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง ที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้แต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนตามฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share