คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ว่า ในการต่อสู้คดีนี้จำเลยที่ 2 ได้เสียค่าใช้จ่ายและค่าฤชาธรรมเนียมมาโดยตลอด และยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนบุตรอีก 3 คน ทั้งผู้ตายสามีจำเลยที่ 2 ก็มีหนี้สินเป็นจำนวนมากซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องแบกรับภาระเองทั้งสิ้นค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องวางในชั้นอุทธรณ์แม้จะมีจำนวนไม่มากแต่ก็ถือว่าสูงสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ ป.วิ.พ. มาตรา 23 ก็มิได้บัญญัติว่าเหตุใดเป็นพฤติการณ์พิเศษแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจเป็นเรื่อง ๆ ไป การที่ศาลวินิจฉัยว่าเหตุที่จำเลยที่ 2 อ้างในการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ว่าหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลไม่ทันมิใช่พฤติการณ์พิเศษ จึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ฎีกาในข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้นซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของคดีที่คู่ความพิพาทกัน ก็ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 เช่นกัน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 84,571.55 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 มีนาคม 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่ตน กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท ต่อมาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2544 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอ้างว่า หาเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องมาวางศาลไม่ทันและเพิ่งให้ทนายความทำคำฟ้องอุทธรณ์ ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ข้ออ้างตามคำร้องมิใช่กรณีมีพฤติการณ์พิเศษที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยที่ 2 จะต้องนำมาวางศาลมีจำนวนไม่มาก และจำเลยที่ 2 มีเวลา 1 เดือน ที่จะอุทธรณ์ ซึ่งเพียงพอที่จำเลยที่ 2 จะขวนขวายหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมเสียแต่เนิ่น ๆ เหตุที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องมาวางศาลไม่ทันเพื่อขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งเท่ากับศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยที่ 2 ต้องวางศาลมีจำนวนไม่สูงดังที่จำเลยที่ 2 อ้างในคำร้อง อันเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่ศาลควรอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หรือไม่ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ในการต่อสู้คดีนี้จำเลยที่ 2 ได้เสียค่าใช้จ่ายและค่าฤชาธรรมเนียมมาโดยตลอด และยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนบุตรอีก 3 คน ทั้งนายดำรงค์ องค์เลิศปราณี ผู้ตายสามีจำเลยที่ 2 ก็มีหนี้สินเป็นจำนวนมากซึ่งจำเลยที่ 2 ต้องแบกภาระเองทั้งสิ้น ค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องวางในชั้นอุทธรณ์แม้จะมีจำนวนไม่มากแต่ก็ถือว่าสูงสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ก็มิได้บัญญัติว่าเหตุใดเป็นพฤติการณ์พิเศษ แต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจเป็นเรื่อง ๆ ไป การที่ศาลวินิจฉัยว่าเหตุที่จำเลยที่ 2 อ้างในการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ว่าหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลไม่ทันมิใช่พฤติการณ์พิเศษ จึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ไม่เปิดโอกาสให้จำเลยที่ 2 ได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่นั้น เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวแม้จะเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้นซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของคดีที่คู่ความพิพาทกันก็ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าวเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 2 คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาให้แก่จำเลยที่ 2 ค่าทนายความชั้นศาลฎีกาให้เป็นพับ

Share