คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อที่จำเลยสู้คดีว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะเป็นการเสนอข่าวติชมด้วยความเป็นธรรม นั้นจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ต่อเมื่อได้กระทำโดยสุจริตเสียก่อนหากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏว่าจำเลยไม่ได้กระทำโดยสุจริตจำเลยย่อมจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบรรณาธิการผู้โฆษณาและเจ้าของหนังสือพิมพ์เสียงเชียงใหม่ได้บังอาจโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์เสียงเชียงใหม่ใส่ความหมิ่นประมาทนายทองดี อิสราชีวิน ด้วยพาดหัวข่าวและข้อความต่าง ๆ อันทำให้ประชาชนผู้อ่านเกิดความดูหมิ่นและเกลียดชังนายทองดี อิสราชีวิน ได้ทำให้นายทองดี อิสราชีวินเสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48

จำเลยให้การสู้คดีว่า จำเลยได้ตีพิมพ์ข้อความดังกล่าวในฟ้องลงในหนังสือพิมพ์เสียงเชียงใหม่จริง ข้อความนั้นหาเป็นข้อความหมิ่นประมาททนายทองดีไม่ จำเลยตีพิมพ์เป็นการเสนอข่าวโดยสุจริตใจและติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนและหนังสือพิมพ์ย่อมกระทำกันอยู่ทั่วไปข้อความนั้นเป็นความจริง ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลแขวงเชียงใหม่พิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48

โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในสถานหนัก

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อแก้ตัวของจำเลยฟังได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

ผู้ว่าคดีโจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่จำเลยตีพิมพ์โฆษณานั้น อ่านแล้วได้ความว่าโจทก์ร่วมโกงเอาเงินของนายก๋องที่ฝากซื้อปืนไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จึงเป็นข้อความที่อาจทำให้โจทก์ร่วมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยสู้คดีว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะเป็นการเสนอข่าวติชมด้วยความเป็นธรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ต่อเมื่อได้กระทำโดยสุจริตเสียก่อน แต่ตามพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏว่า จำเลยกับโจทก์ร่วมไม่ถูกกัน โจทก์ร่วมและจำเลยเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน มีความคิดเห็นไม่ตรงกันและเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาแล้ว โดยจำเลยกล่าวหาโจทก์ร่วมต่อผู้ใหญ่และบุคคลอื่น ๆ ไปในทางที่โจทก์ร่วมเสียหายมาในครั้งนี้นายก๋องมอบเรื่องให้จำเลยซึ่งเป็นทนายความทวงหนี้และจัดการฟ้องร้องให้ จำเลยกลับฉวยโอกาสเอาเรื่องนี้ไปตีพิมพ์โฆษณาและยังใช้คำว่า ส.ส. ซึ่งหมายความถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่อีก ทั้ง ๆ ที่โจทก์ร่วมไม่ได้เป็นแล้ว แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำโดยสุจริต ดังนั้นจำเลยจึงยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ากรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษากลับให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น

Share