คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8454/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัท ท. สั่งซื้อสินค้ากระดาษจากโจทก์ โดยบริษัท ท. ออกเช็คสั่งจ่ายชำระหนี้ 1 ฉบับ และจำเลยในฐานะกรรมการของบริษัท ท. ออกเช็คสั่งจ่ายชำระหนี้อีก 4 ฉบับ เมื่อเช็คทั้ง 5 ฉบับ ถึงกำหนดเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องบริษัท ท. เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 2 เป็นคดีก่อนให้รับผิดชำระหนี้ค่ากระดาษตามเช็ค 4 ฉบับ โจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงกันได้ ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างเหตุว่าจำเลยในฐานะกรรมการบริษัท ท. ออกเช็คฉบับลงวันที่ 29 มีนาคม 2553 สั่งจ่ายชำระหนี้ค่ากระดาษแก่โจทก์ เมื่อเช็คฉบับดังกล่าวถึงกำหนดเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย พนักงานอัยการฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงดุสิต จำเลยให้การรับสารภาพ และทำบันทึกยอมรับว่าออกเช็คฉบับดังกล่าวชำระหนี้ค่ากระดาษแก่โจทก์จริง ขอผ่อนชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงในคดีอาญาภายหลังจำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามบันทึกดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ดังนี้ ยอดหนี้ในคดีก่อนกับยอดหนี้ในคดีนี้จึงเป็นคนละจำนวนกัน การที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงในคดีอาญา เป็นคดีนี้จึงไม่ใช่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันในประเด็นข้อพิพาทที่อาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,018,882 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 1,018,882 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16 กันยายน 2556) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 8,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในประการแรกตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3059/2555 ของศาลแพ่งหรือไม่ เห็นว่า ในคดีอาญาของศาลแขวงดุสิตซึ่งโจทก์ในคดีนี้เป็นผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและขอผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ เดือนละ 20,000 บาท ภายในปีแรก และเดือนละ 30,000 บาท ในปีที่สอง โจทก์ได้ให้ความยินยอม แต่เนื่องจากการผ่อนชำระหนี้ต้องใช้เวลานาน ศาลแขวงดุสิตจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไขว่า หากจำเลยผิดนัด ก็ให้แจ้งแก่พนักงานอัยการเพื่อยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป ตามสำเนารายงานกระบวนพิจารณาศาลแขวงดุสิต ซึ่งคดีได้ความว่า จำเลยผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์เดือนละ 20,000 บาท ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 เพียง 9 งวด รวมเป็นเงิน 180,000 บาท และจำเลยผิดนัดไม่ผ่อนชำระหนี้ตามเช็คตั้งแต่งวดประจำสิ้นเดือนธันวาคม 2554 แต่ก่อนวันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามเช็คในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 184/2554 ของศาลแขวงดุสิตนั้น ในวันที่ 16 ธันวาคม 2554 โจทก์ยื่นฟ้องบริษัทโรงพิมพ์ทองกมล จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 2 ให้รับผิดชำระค่ากระดาษเป็นเงิน 5,407,029 บาท ต่อศาลชั้นต้น ตามสำเนาคำฟ้อง จะเห็นได้ว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าว จำเลยยังไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ตามเช็คในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 184/2554 ของศาลแขวงดุสิต ตามบันทึกข้อตกลงในคดีอาญา เพราะในคดีดังกล่าวจำเลยเริ่มผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามเช็คตั้งแต่งวดประจำเดือนสิ้นเดือนธันวาคม 2554 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการผิดนัดหลังจากโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3059/2555 ของศาลชั้นต้น ทั้งได้ความจากนายธีรพล พยานโจทก์ตอบคำถามค้านว่า ในส่วนของคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3059/2555 ของศาลชั้นต้น คดีดังกล่าวทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องจำนวน 5,400,000 บาทเศษนั้น โจทก์มีการนำเอายอดหนี้ตามเช็คในคดีของศาลแขวงดุสิตจำนวน 1,198,882 บาท กับยอดหนี้ที่จำเลยได้ผ่อนชำระให้แก่โจทก์ก่อนแล้วจำนวน 236,000 บาท มารวมกันแล้วหักออกจากหนี้ค่ากระดาษทั้งหมดจำนวน 6,840,000.60 บาท จึงคงเหลือเงินตามฟ้องดังกล่าว และในข้อนี้นายชนาธิปพยานจำเลยตอบคำถามค้านว่า ในการฟ้องคดีแพ่งหมายเลขแดง 3059/2555 ของศาลชั้นต้นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง มีการอ้างเช็คของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สั่งจ่ายโดยจำเลยที่ 1 และมีเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สั่งจ่ายโดยจำเลยในคดีนี้ รวม 3 ฉบับ ซึ่งไม่รวมเช็คที่นำไปฟ้องต่อศาลในคดีอาญาที่ศาลแขวงดุสิต ยิ่งแสดงให้เห็นว่าการที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระค่ากระดาษเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3059/2555 ของศาลชั้นต้น จำนวนเงิน 5,407,029 บาท นั้น โจทก์ได้หักยอดเงินที่จำเลยทั้งสองชำระแก่โจทก์มาแล้วจำนวน 236,000 บาท กับเงินตามเช็คเลขที่ 0132730 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2553 จำนวนเงิน 1,198,882 บาท ที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงดุสิต รวมยอดทั้งสองจำนวนแล้วเป็นเงิน 1,434,882 หักออกจากจำนวนเงินค่ากระดาษทั้งหมดจำนวน 6,842,816.60 บาท คงเหลือเงินค่ากระดาษที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์อีกจำนวน 5,407,934.60 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนเงิน 5,407,029 บาท ที่โจทก์นำมาคำนวณเป็นทุนทรัพย์ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3059/2555 ของศาลชั้นต้นเป็นคดีก่อน ยอดหนี้ในคดีก่อนกับยอดหนี้ในคดีนี้จึงเป็นคนละจำนวนกัน ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามบันทึกข้อตกลงในคดีอาญา ในคดีนี้จึงไม่ใช่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันในประเด็นข้อพิพาทที่อาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำและพิพากษาให้จำเลยรับผิดนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share