แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเสมียนแผนกตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดพังงา ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงาผู้เป็นหัวหน้าได้มอบหมายการงานซึ่งอยู่ในแผนกให้แก่จำเลยปฏิบัติ จำเลยได้ยักยอกเงินและสิ่งของที่ได้รับมอบหมายไว้ตามหน้าที่ ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอก
อัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ย่อมเบากว่าตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา จำเลยที่ 2 มีตำแหน่งเสมียนพนักงานแผนกตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา มีฐานะหน้าที่ช่วยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงาจำเลยทั้ง 2 ได้สมคบกันยักยอกเงินค่าจำหน่ายแบบพิมพ์ ค่าจำหน่ายแสตมป์ ก.ศ.ส. และแสตมป์ ก.ศ.ส. ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 2 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 139(3) ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้วมีกำหนดโทษจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ให้ใช้หรือคืนเงินแก่รัฐบาล
จำเลยทั้ง 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ย่อมมีผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 นั้นตามข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยที่ 2 เป็นเสมียนมียศเป็นรองจำเลยที่ 1 ผู้เป็นหัวหน้าแผนกเมื่อหัวหน้าแผนกได้มอบหมายการงานอันอยู่ในแผนกให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเสมียนและจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินและสิ่งของที่ได้รับมอบหมายไว้ตามหน้าที่ ย่อมมีผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอก สำหรับโทษที่ลงแก่จำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ควรใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่า
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147ให้จำคุก 2 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ก็ให้แก้บทลงโทษตามมาตรา 147 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยืนตามศาลอุทธรณ์