แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือพิมพ์ โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ จำเลยสมคบร่วมกันกระทำความผิดหมิ่นประมาทโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ข่าว และกล่าวข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ โดยจำเลยที่ 1 ตั้งใจก่อให้เกิดการลงพิมพ์โฆษณาหมิ่นประมาทโจทก์ โดยให้ผู้สื่อข่าวนำข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์นั้น ไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ และหนังสือพิมพ์ข่าวภาพได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แล้ว ดังนี้ ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันโฆษณาหมิ่นประมาทโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83, 84 และพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 49
จำเลยที่ 1 ปฏิเสธ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ภายใน 3 ปี และให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวัน 6 ฉบับ เป็นเวลา 5 วัน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่การโฆษณาคำพิพากษาให้ย่อข้อความตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควร
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่มีข้อความให้จำเลยได้เข้าใจได้ว่า จำเลยได้สมคบร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 อย่างไร ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ระบุไว้แล้วว่า จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ จำเลยสมคบร่วมกันกระทำความผิดหมิ่นประมาทโจทก์โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ข่าวและกล่าวข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวภาพโดยจำเลยที่ 1 ตั้งใจก่อให้เกิดการลงพิมพ์โฆษณาหมิ่นประมาทโจทก์โดยให้ผู้สื่อข่าวนั้นนำข้อความที่หมิ่นประมาทนั้น ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวภาพและหนังสือพิมพ์ข่าวภาพก็ได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แล้ว ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ไว้จะแจ้งแล้ว ไม่มีข้อเคลือบคลุมที่จำเลยที่ 1 จะไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด
พิพากษายืน