คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8429/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินของ ป. กับที่ดินของ อ. อยู่ติดกันโดยที่ดินของ ป. ทางด้านทิศตะวันตกติดที่ดินของ อ. ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้แก่ ป. และระบุรูปแผนที่ที่ดินของ ป. ว่าทางด้านทิศตะวันตกติดบ่อน้ำสาธารณประโยชน์ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ อ. และมีส่วนได้เสียในที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถขอรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินได้ แต่ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์ว่า โจทก์ไปขอตรวจสอบตำแหน่งที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ต่อสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดเพชรบุรี และโจทก์ก็เบิกความตอบทนายโจทก์รับว่า โจทก์ยังไม่เคยไปยื่นคำขอรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินในที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ทั้งการขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินของนางสาวปทุมก็เป็นเรื่องการแบ่งแยกโฉนดที่ดินในที่ดินของ ป. เองโดยเฉพาะ แม้การระบุอาณาเขตที่ดินในโฉนดที่ดินที่แบ่งแยกออกมาจะคลาดเคลื่อนไป ก็ไม่มีผลโดยตรงต่อที่ดินของ อ. กล่าวคือมิได้ออกโฉนดที่ดินรุกล้ำทับที่ดินของ อ. หรือกระทำการอันมีลักษณะเป็นการรบกวนการครอบครองหรือแย่งสิทธิครอบครองที่ดินของ อ. สิทธิครอบครองที่ดินของ อ. (หากมี) จะมีอยู่อย่างไรก็คงมีอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปพิสูจน์สิทธิครอบครองต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการขอออกโฉนดที่ดินของ อ. หากโจทก์ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกับเจ้าพนักงานที่ดิน การออกโฉนดที่ดินให้ ป. ตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องยังไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแก้ตำแหน่งที่ดินระวาง 18 ต.3 อ. รายการบ่อน้ำสาธารณประโยชน์ทางทิศตะวันตกของที่ดินโฉนดเลขที่ 34466 (ที่ถูก 14466) ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นจดที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 หมู่ที่ 4 ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลย 1,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายอินทร์ ก่อนตายนายอินทร์แจ้งการครอบครองที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 หมู่ที่ 4 ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ 1 งาน 20 ตารางวา ตามสำเนาแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ต่อมามีการแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 815 ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ออกเป็นที่ดิน 2 แปลง ที่ดินแปลงที่แบ่งแยกออกมาคือที่ดินโฉนดเลขที่ 14466 ตำบลทับคาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เป็นของนางสาวปทุม ตามสำเนาโฉนดที่ดิน แต่รูปแผนที่ในโฉนดที่ดินดังกล่าวด้านทิศตะวันตกระบุว่า จดบ่อน้ำสาธารณประโยชน์ โจทก์โต้แย้งว่า ที่ถูกแล้วจดที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ของนายอินทร์ คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ออกโดยทางราชการเมื่อปี 2498 ยังอยู่กับทางราชการ และยังมิได้ถูกเพิกถอน ส่วนหลักฐานที่จำเลยอ้างว่ามีการยกที่ดินให้เป็นสาธารณประโยชน์ไม่มีที่มา การนำที่ดินตามไปขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะจึงเป็นการมิชอบ และการลงรายการที่พิพาทเป็นบ่อน้ำสาธารณประโยชน์เป็นการรอนสิทธิของโจทก์โจทก์เป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของนางสาวปทุมกับที่ดินของนายอินทร์อยู่ติดกันโดยที่ดินของนางสาวปทุมทางด้านทิศตะวันตกติดที่ดินของนายอินทร์ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้แก่นางสาวปทุมและระบุรูปแผนที่ที่ดินของนางสาวปทุมว่าทางด้านทิศตะวันตกติดบ่อน้ำสาธารณประโยชน์ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายอินทร์และมีส่วนได้เสียในที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถขอรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินได้ แต่ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์ว่า โจทก์ไปขอตรวจสอบตำแหน่งที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ต่อสำนักงานจัดรูปที่ดินจังหวัดเพชรบุรี และโจทก์ก็เบิกความตอบทนายโจทก์รับว่า โจทก์ยังไม่เคยไปยื่นคำขอรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินในที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 94 ต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ทั้งการขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินของนางสาวปทุมก็เป็นเรื่องการแบ่งแยกโฉนดที่ดินในที่ดินของนางสาวปทุมเองโดยเฉพาะ แม้การระบุอาณาเขตที่ดินในโฉนดที่ดินที่แบ่งแยกออกมาจะคลาดเคลื่อนไป ก็ไม่มีผลโดยตรงต่อที่ดินของนายอินทร์ กล่าวคือ มิได้ออกโฉนดที่ดินรุกล้ำทับที่ดินของนายอินทร์หรือกระทำการอันมีลักษณะเป็นการรบกวนครอบครองหรือแย่งสิทธิครอบครองที่ดินของนายอินทร์ สิทธิครอบครองที่ดินของนายอินทร์ (หากมี) จะมีอยู่อย่างไรก็คงมีอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปพิสูจน์สิทธิครอบครองต่อเจ้าพนักงานที่ดินในการขอออกโฉนดที่ดินของนายอินทร์ หากโจทก์ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกับเจ้าพนักงานที่ดิน การออกโฉนดที่ดินให้นางสาวปทุมตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้อง ยังไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,000 บาท แทนจำเลย.

Share