คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12993/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเพิ่งส่งคำพิพากษาที่มีรายการครบถ้วนไปให้ศาลจังหวัดฝางหลังจากวันที่ศาลจังหวัดฝางอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังแทน แสดงว่าในวันดังกล่าวจนถึงวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ห้านั้น ศาลจังหวัดฝางยังไม่มีคำพิพากษาที่มีรายการครบถ้วนรวมอยู่ในสำนวนความที่ศาลจังหวัดฝาง อันจะทำให้คู่ความขอคัดถ่ายสำเนาได้ คำพิพากษาที่มีรายการครบถ้วนนั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องให้โอกาสแก่ผู้อุทธรณ์ได้ตรวจดูข้อความทั้งหมดเพื่อหาข้อโต้แย้งทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหยิบยกขึ้นวินิจฉัย มิฉะนั้นการเรียงคำฟ้องอุทธรณ์อาจมีข้อบกพร่องไม่ครบถ้วนตามกฎหมายได้ ดังนั้น ขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ห้านั้น ถือได้ว่ามีข้อขัดข้องทางฝ่ายศาลอันเป็นเรื่องอยู่นอกเหนือการบังคับของโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางชอบที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 5, 7, 9, 27, 51, 54, 57 และ 60พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 109, 110 (1) และ 115ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 และ 275
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 109 และพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 5, 7, 9, 51, 57 และ 60 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนภายในราชอาณาจักร ให้ลงโทษปรับ 7,000 บาท ฐานทำงานโดยฝ่าฝืนกฎหมายให้ลงโทษปรับ 4,000 บาท รวมโทษทุกกระทงความผิดเป็นปรับ 11,000 บาท จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 110 (1) ประกอบมาตรา 109 ให้ลงโทษปรับ 7,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 5,500 บาท และปรับจำเลยที่ 2จำนวน 3,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ริบของกลาง
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีนี้ โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม 5 ครั้ง ครั้งที่หนึ่งวันที่ 8 สิงหาคม 2554 ครั้งที่สอง วันที่ 9 กันยายน 2554 ครั้งที่สาม วันที่ 11ตุลาคม 2554 ครั้งที่สี่ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 และครั้งที่ห้า วันที่ 7 ธันวาคม 2554 โดยให้เหตุผลเหมือนกันทุกครั้งว่าโจทก์ยังไม่อาจคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษา ศาลจังหวัดฝางซึ่งดำเนินกระบวนพิจารณาแทนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง อนุญาตให้ขยายเวลาตั้งแต่ครั้งที่หนึ่งถึงครั้งที่สี่ แต่ในครั้งที่ห้าศาลจังหวัดฝางส่งคำร้องทางโทรสารไปให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งเอง ซึ่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางก็ได้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง เห็นว่า ปรากฏในหนังสือของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ ศย 300.010/12676 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2554 เอกสารในสำนวนลำดับที่ 12/1ว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเพิ่งส่งคำพิพากษาที่มีรายการครบถ้วนไปให้ศาลจังหวัดฝางในวันดังกล่าว แสดงว่าในวันที่ศาลจังหวัดฝางอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังแทนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในวันที่ 12กรกฎาคม 2554 จนถึงวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ห้านั้น ศาลจังหวัดฝางยังไม่มีคำพิพากษาที่มีรายการครบถ้วนตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 186 บังคับไว้รวมอยู่ในสำนวนความที่ศาลจังหวัดฝางอันจะทำให้คู่ความขอคัดถ่ายสำเนาได้ คำพิพากษาที่มีรายการครบถ้วนนั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องให้โอกาสแก่ผู้อุทธรณ์ได้ตรวจดูข้อความทั้งหมดเพื่อหาข้อโต้แย้งทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหยิบยกขึ้นวินิจฉัย มิฉะนั้นการเรียงคำฟ้องอุทธรณ์อาจมีข้อบกพร่องไม่ครบถ้วนตามกฎหมายได้ ขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ห้า นั้น จึงถือได้ว่ามีข้อขัดข้องทางฝ่ายศาล อันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการบังคับของโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางชอบที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 37 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่โจทก์ 15 วัน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศให้โจทก์ฟัง

Share