แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้เช่าตึกแถวจากเจ้าของทรัพย์ แล้วโจทก์ทำสัญญาโอนการเช่าให้จำเลยดังนี้ โจทก์ต้องถูกผูกพันตามสัญญานั้น แม้เจ้าของทรัพย์ที่เช่าจะมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ก็หามีผลกระทบกระเทือนถึงสัญญาที่ผูกพันอยู่ระหว่างโจทก์จำเลยไม่ และแม้ต่อมาโจทก์จะไปทำสัญญาเช่าใหม่กับเจ้าทรัพย์ ก็ไม่เป็นเหตุให้สิ้นความผูกพันตามสัญญาที่ทำไว้ต่อจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
ทำสัญญาโดยการเช่าเมื่อผู้รับโอนมาขอให้บังคับผู้โอนทำการโอนการเช่า ศาลฎีกาถือว่าสภาพแห่งหนี้ไม่สมควรแก่การบังคับให้โอน
ย่อยาว
ความว่า โจทก์เช่าตึกห้องแถวรายพิพาทจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แล้วโจทก์ได้ทำหนังสือโอนการเช่าให้จำเลย ภายหลังโจทก์กลับทำสัญญากับทรัพย์สิน ฯ ใหม่ แล้วโจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ขึ้น จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลย และเรียกค่าซ่อมตึก ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยเข้าอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยอำนาจของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องร้องได้ และจำเลยได้รับประโยชน์จากการเช่าแล้ว จึงจัดการซ่อมแซมห้องพิพาทโดยโจทก์มิรับรองจะชดใช้ให้จำเลยจึงเรียกค่าชดใช้ไม่ได้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลย และยกฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ทำสัญญาโอนการเช่าให้แก่จำเลยแล้ว โจทก์จำต้องถูกผูกพันตามสัญญานั้น ส่วนข้อที่เจ้าของทรัพย์พิพาทมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้น หามีผลกระทบกระเทือนถึงสัญญาที่ผูกพันอยู่ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ ก็เมื่อโจทก์ถูกผูกพันอยู่ตามสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย ส่วนข้อที่ว่า หลังจากโจทก์ทำหนังสือสัญญาโอนการเช่าให้จำเลยดั่งกล่าวแล้ว โจทก์ได้ทำสัญญาเช่ากับทรัพย์สิน ฯ ใหม่นั้น ไม่เป็นเหตุให้โจทก์สิ้นความผูกพันตามสัญญากับจำเลย
พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์