คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ โดยไม่อนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมนั้น ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา และไม่ใช่คำสั่งยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จึงไม่ต้องห้ามฎีกา
ในกรณีที่มีการยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ว่าในชั้นใด หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ถ้าผู้ยื่นคำขอประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคำขอนั้นต่อไป ก็มีสิทธิเลือกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อาจยื่นคำขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ว่าตนเป็นคนยากจน หรือใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่ง ถ้าผู้ยื่นคำขอเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งคำขอนั้นประการใดแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะย้อนกลับมาขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าตนเป็นคนยากจนอีกไม่ได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2511)
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว หากมีเหตุเกิดขึ้นใหม่ทำให้ผู้ยื่นคำขอตกเป็นคนยากจนลงในภายหลัง ก็มีสิทธิยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคแรก จะมาขอให้พิจารณาคำขอเดิมนั้นใหม่ตามมาตรา 156 วรรค 4 หาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและให้รื้นถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดิน ซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์ที่ ๑ มอบให้โจทก์ที่ ๒ ครอบครองใช้ประโยชน์และจัดการ
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และฟ้องแย้งขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ รวมทั้งเรียกค่าทดแทน
โจทก์ให้การปฏิเสธฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย พร้อมทั้งให้รื้นถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาท และยกฟ้องแย้ง
จำเลยยื่นคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งว่า จำเลยมีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมได้ ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยยังพอมีทรัพย์สินหรือมีทางที่จะได้ทรัพย์สินมาเสียค่าธรรมเนียมในการอุทธรณ์ได้ ให้ยกคำร้อง ถ้าจำเลยประสงค์จะอุทธรณ์ ให้ชำระค่าธรรมเนียมภายใน ๑๕ วัน
จำเลยทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว ก่อนครบกำหนด ๑๕ วันที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องว่า หลังจากศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ปรากฏจากพยานหลักฐานแน่ชัดว่า จำเลยเป็นคนยากจนอนาถาจริง ๆ จึงขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคท้าย จำเลยจะขอให้พิจารณาคำขอใหม่อีกไม่ได้ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ ให้ยกคำร้อง
ต่อมาเมื่อครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ จำเลยไม่ชำระศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ข้อแรกจำเลยฎีกาว่า คำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยใหม่นั้น เป็นคำคู่ความตามมาตรา ๑ (๕) เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้อง คำสั่งนั้นย่อมเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความมาตรา ๑๘ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาได้ตามมาตรา ๒๒๘ (๓)
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งดังกล่าว ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา ทั้งไม่ใช่คำสั่งยกคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตามมาตรา ๑๕๖ วรรคท้าย แต่เป็นคำสั่งให้ยกคำร้องที่ขอให้พิจารณาคำขอให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยใหม่ จำเลยฎีกาได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องห้าม จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ต่อไปอีก
จำเลยฎีกาต่อไปว่า พยานหลักฐานที่จำเลยจะนำมาแสดงเพิ่มเติมเป็นพยานหลักฐานใหม่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีอยู่ แต่ความจริงไม่มีราคา โดยเฉพาะบ้าน ๓ หลังในที่พิพาท หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้วได้ถูกไฟไหม้หมดสิ้น คำสั่งศาลอุทธรณ์ที่สั่งคำร้องของจำเลยยังไม่ถึงที่สุด ทั้งเหตุไฟไหม้ก็เกิดภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาคำขอของจำเลยใหม่ได้
ในปัญหาที่ว่า คดีนี้จำเลยจะขอให้พิจารณาคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าจำเลยเป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ ได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ในกรณีที่มีการยื่นคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ว่าในชั้นใด หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะบางส่วนหรือมีคำสั่งให้ยกคำขอเสียทีเดียว ถ้าผู้ยื่นคำขอประสงค์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับคำขอนั้น ก็มีสิทธิที่จะเลือกกระทำได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ หรือวรรค ๕ กล่าวคือ อาจยื่นคำขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจนตามมาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ หรือจะเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันมีคำสั่งตามมาตรา ๑๕๖ วรรค ๕ ก็ได้ ถ้าผู้ยื่นคำขอใช้สิทธิอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งคำขอนั้นประการใดแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะย้อนกลับมาขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติม ว่าเป็นคนยากจนตามมาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ อีกไม่ได้
คดีนี้จำเลยเลือกใช้สิทธิอุทธรณ์แล้ว และศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยแล้ว คำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด และฟังเป็นยุติว่า จำเลยมีทรัพย์สินหรือมีทางที่จะได้ทรัพย์สินมาเสียค่าธรรมเนียม ในการอุทธรณ์ จำเลยจะกลับมาขอให้พิจารณาคำขอของจำเลยใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในเหตุเดิมหาได้ไม่
ส่วนที่จำเลยกล่าวว่า เหตุไฟไหม้บ้านเกิดขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยย่อมมีสิทธิขอให้พิจารณาคำขอของจำเลยใหม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าหากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ก็ย่อมไม่ใช่เหตุที่จะแสดงว่า จำเลยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลในขณะยื่นคำขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ย่อมจะขอให้พิจารณาคำขอเดิมนั้นใหม่ตามมาตรา ๑๕๖ วรรค ๔ ไม่ได้ หากเป็นเรื่องที่ชอบจะดำเนินการตามวรรคแรก
ฎีกาข้ออื่นไม่มีสาระที่จะต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษายืนในผล

Share