คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบทั่วไปในธุระกิจและควบคุมบังคับบัญชาพนักงานของธนาคารออกสินสาขา บังอาจปลอมใบถอนเงินของผู้ฝากแล้วกรอกจำนวนเงินนำไปเบิกต่อธนาคารออกสินที่จำเลยเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเบียดบังยักยอกไว้เป็นของตนโดยทุจริตนั้น ถือว่าเป็ฯความผิดที่จำเลยได้กระทในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองมีตำแหน่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ธนาคารออกสินสาขาอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ ๒ เป็นพนักงานเงินได้ร่วมสมคบกันกระทำความผิดปลอมใบถอนเงินออกสินของผู้ฝากแล้วใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตกรอกจำนวนเงินถอนตามใบถอนเงินที่จำเลยทำปลอมขึ้นนำมาเบิกเงินต่อธนาคารแล้วเบียดบังยักยอกไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษ
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็ฯว่า จำเลยที่ ๑ ผิดฐานปลอมหนังสือ จำเลยที่ ๑ และ ๒ ผิดฐานยักยอกพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ รวม ๑๘ กระทง ๙ ปี จำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๔ รวม ๗ กระทง ๗ ปีและตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๐๒มาตรา ๔ รวม ๑๓ กระทง เป็นโทษจำคุกคนละ ๖๕ ปี เรียงทุกกระทงความผิดแล้วคงจำคุกคนละ ๒๐ ปี ปราณีลดโทษให้จำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑๐ ปี ลดดทษให้จำเลยที่ ๒ หนึ่งในสามคงจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน กับให้ร่วมกันคืนกรือใช้เงิน ๑๑๒,๔๓๐ บาทแก่ธนาคารออมสิน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณฺ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยที่ ๒ พ้นข้อหา
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒,จำเลยที่ ๑ ฎีกาขอลดหย่อนโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่า ธนาคารออกสินมีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นธนาคารของรัฐบาล มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนคร มีสาขาแห่งหนึ่งอยู่ที่อำเภอหลังสวน ซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการมีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบทั่วไปในธุรกิจและควบคุมบังคับบัญชา-พนักงานในสำนักงานสาขานั้น ตลอดถึงรักษาทรัพย์สินของธนาคาร และเป็นผู้อนุมัติให้รับฝากและให้ถอนเงินออกสินทุกประเภททั้งรายรับและรายจ่ายอื่นๆ
ในเดือนมีนาคม ๒๕๐๔ ความปรากฎขึ้นว่า ยอดเงินในสมุดคู่บัญชีของผู้ฝากเงินหลายรายของธนาคารออมสินสาขาหลังสวนไม่ตรงกับที่ปรากฎในบัตรคู่บัญชี ผู้จัดการธนาคารออกสินภาคา ๖ จึงได้แจ้งให้ผู้ฝากเงินแจ้งยอดเงินคงเหลือในสมุดคู่บัญชีของผู้ฝาก ในที่สุดก็พบว่าผู้ฝากเงิน ๑๐ รายที่มิได้ขอถอนเงินฝากหรือถอนจำนวนน้อยกว่า แต่ตามหลักฐานในบัตรคู่บัญชีแสดงว่าผู้ฝากเงินได้ขอถอนเงินไปแล้ว ทั้งนี้ โดยการปลอมลายมือชื่อของผู้ฝากเงิน แล้วเบิกเงินนั้นจากธนาคารไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ในการทุจริต-ทำให้ธนาคารออมสินเสียหายนี้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้จัดการและผู้รับผิดชอบทั่วไปให้การรับสารภาพตลอดข้อหา คดีฟังได้ว่ากระทำผิดดังฟ้องแล้ว ที่จำเลยที่ ๑ ขอลดหย่อนผ่อนโทษนั้น พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๑ เป็นการทรยศความไว้วางใจของธนาคารออมสิน กระทำการทุจริตอันมีเล่ห์เหลี่ยมหลายครั้งหลายคราว รวมเป็นเงินหนึ่งแสนบาท ไม่มีเหตุที่จะบรรเทาลดโทษให้ได้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์และฎีกาจำเลยที่ ๑.

Share