คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1153/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายซื้อเนื้อกระบือไว้จากจำเลยคนหนึ่ง ต่อมา จำเลยทั้งสองกับพวกได้สมคบกันไปแกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายได้ซื้อเนื้อกระบือของพรรคพวกจำเลยซึ่งถูกคนร้ายลักมาฆ่า และได้ร่วมกันขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายใช้เงินให้โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหาย โดยจำเลยที่ 1 ใช้กำลังเข้าชกต่อยผู้เสียหาย และยิงปืนขู่ให้ผู้เสียหายเกรงกลัวจนผู้เสียหายยอมส่งเงินให้ ดังนี้ จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานปล้นทรัพย์
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลง เป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ศาลฎีกาต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติมาปรับบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมสมคบกันมีอาวุธปืนติดตัวเข้าทำการปล้นทรัพย์เอาเงินสดของนายสุข เพ็ชรเวียง ไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 200 บาท

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรค 4 ให้จำคุก 20 ปี และให้ร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 200 บาทแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2512 นายก่องจำเลยกับนายเพิ้งได้นำเนื้อกระบือมาขายนายสุขผู้เสียหายซื้อไว้ 10 บาท และชำระราคาแล้ว คนอื่นก็ซื้อด้วยในวันที่ 7 เดือนนั้น นายก่องจำเลยนายเพ็ญจำเลยซึ่งแต่งเครื่องแบบอาสารักษาดินแดนกับชายอีกคนหนึ่งซึ่งนายก่องบอกว่าชื่อนายคล้ายเป็นเจ้าของกระบือ ได้ไปหาผู้เสียหายนายเพ็ญจำเลยบอกผู้เสียหายให้เอาเงินมา 200 บาท ว่าเป็นค่าเนื้อที่นายก่องเอามาขายผู้เสียหายว่าให้นายก่องไปแล้ว นายเพ็ญจำเลยว่าไม่ให้ก็ต้องถูกจับ ผู้เสียหายไม่ยอมให้นายเพ็ญจำเลยก็ว่ามันไม่รักดี แล้วชกปากผู้เสียหายหนึ่งที และชักปืนมายิงข้ามศีรษะผู้เสียหาย 5 นัด กับพูดอีกว่าเอาเงินมาให้ 200 บาท ผู้เสียหายกลัว จึงไปเอาเงิน 200 บาทมาส่งให้จำเลย นายเพ็ญจำเลยว่าเอาให้นายก่อง ผู้เสียหายจึงส่งเงินให้นายก่องจำเลย จำเลยกับพวกจึงไป และปรากฏว่าคนในหมู่บ้านเดียวกันนั้นอีก 4 ราย ก็ถูกจำเลยขู่บังคับให้ส่งเงินให้เช่นเดียวกันจึงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีกคนหนึ่งได้สมคบกันไปแกล้งกล่าวหาว่านายสุขผู้เสียหายได้ซื้อเนื้อกระบือของพรรคพวกจำเลยซึ่งถูกคนร้ายลักมาฆ่าและจำเลยกับพวกได้ร่วมกันขู่เข็ญบังคับให้ใช้เงินให้ โดยอ้างว่า เป็นค่าเสียหาย โดยนายเพ็ญจำเลยใช้กำลังเข้าชกต่อยประทุษร้ายร่างกายผู้เสียหาย และยิงปืนขู่ให้ผู้เสียหายเกรงกลัว จนผู้เสียหายต้องยอมส่งเงินให้จำเลย จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

แต่เมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ ข้อ 14 ของประกาศดังกล่าวได้แก่โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 ให้เบาลงเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำผิด อันเป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14 ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 15 ปี นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share