แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาจะซื้อขายมิได้ระบุไว้ว่า ถ้าผู้จะซื้อผิดสัญญา ไม่ผ่อนชำระราคาทรัพย์ที่ซื้อขายเป็นรายเดือนตามกำหนด ให้ผู้จะขายใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ทันที และปรากฏว่าคู่สัญญามิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดเวลาผ่อนชำระราคาเป็นสารสำคัญตามสัญญา ฉะนั้น แม้ผู้จะซื้อผิดสัญญา ไม่ผ่อนชำระราคาทรัพย์ที่ซื้อขายเป็นรายเดือนตามวันที่กำหนดไว้ ผู้จะขายก็จะบอกเลิกสัญญาทันทีมิได้ หากแต่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 โดยต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควร บอกกล่าวให้ผู้จะซื้อชำระหนี้ราคาทรัพย์ที่ ติดค้างอยู่ ต่อเมื่อผู้จะซื้อไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดนั้น ผู้จะขายจึงจะเลิกสัญญาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินและตึกของโจทก์วางมัดจำไว้ 6,000 บาท นอกนั้นผ่อนชำระ โจทก์ยอมให้จำเลยเข้าครอบครองที่ดินและตึกได้ จำเลยผ่อนชำระราคาแล้ว 30,000 บาทแต่ต่อมาผิดสัญญา โจทก์ได้เตือนให้จำเลยชำระราคาและบอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระราคา แต่โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือสัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์ผู้ขายกับจำเลยผู้ซื้อ มิได้ระบุเลยว่า ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญาแล้วอีกฝ่ายหนึ่งจะใช้สิทธิเลิกสัญญาได้ทันที ฉะนั้น เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์จะเลิกสัญญาได้ก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 387 โดยโจทก์จะต้องกำหนดระยะเวลาพอสมควร บอกกล่าวให้จำเลยชำระราคาที่ดินที่จำเลยติดค้างอยู่ภายในเวลาที่กำหนดนั้น ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงเลิกสัญญาได้ แต่โจทก์หาได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวนี้ไม่ประการหนึ่ง กับได้ความตามตามคำเบิกความของโจทก์ว่า เฉพาะค่าที่ดินที่จำเลยผ่อนไม่ครบตามสัญญาช้าไปบ้าง แต่โจทก์ไม่ว่าอะไร พอถึงเดือนมีนาคม 2509 จำเลยไม่ส่ง เดือนเมษายน และพฤษภาคม 2509 จำเลยก็ไม่ส่ง โจทก์จึงไปหานายจินดาให้จัดการบอกเลิกสัญญากับจำเลย ดังนี้ เห็นได้ว่าแม้สัญญาจะได้กำหนดระยะเวลาผ่อนชำระราคาที่ดินเป็นรายเดือนกันไว้แต่โจทก์จำเลยก็มิได้มีเจตนาที่จะถือเอากำหนดเวลาผ่อนชำระราคาที่ดินเป็นรายเดือนกัน เป็นสารสำคัญตามสัญญา เพราะเมื่อจำเลยเคยผ่อนชำระราคาที่ดินเป็นรายเดือนไม่ตรงตามกำหนดมาก่อน โจทก์ก็รับไว้ไม่ว่าอะไรอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเลิกสัญญารายที่กับจำเลย คดีของโจทก์จึงต้องถูกยกฟ้อง และจะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับลูกหนี้ผิดนัดหรือการไม่ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 มาปรับแก่กรณีนี้ ดังที่โจทก์ฎีกาหาได้ไม่เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
พิพากษายืน