แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อศาลฟังพยานโจทก์ได้ความว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินแก่เหตุ ศาลย่อมลงโทษเท่าที่จำเลยได้กระทำผิดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกับพวกฆ่านายบุญตาย และลักทรัพย์ของนายบุญ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วฟังว่า จำเลยได้ฆ่านายบุญตายจริง แต่กระทำโดยป้องกันตัวเกินแก่เหตุ และเชื่อว่าเอาทรัพย์ไปจริงดังฟ้อง จึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙, ๒๙๓, ๖๓ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๔๙ จำคุก ๒๐ ปี และลดป้องกันตัวตามมาตรา ๕๓ และลดโทษฐานปราณีตามมาตรา ๘๙ อีกกึ่งหนึ่งคงจำคุก ๕ ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลไม่มีอำนาจลดโทษฐานป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ และฟังคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา ๒๔๙, ๒๙๓, ๖๓, ซึ่งมาตรา ๒๔๙ ก.ม.บัญญัติให้ลงโทษจำคุกผู้กระทำผิดไว้ ๓ สถาน สถานที่สูงสุดให้ประหารชีวิต และตาม ป.ม.วิ.อาญา ๑๗๖ บัญญัติว่า คดีซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง คดีนี้ ศาลได้ฟังคำพยานโจทก์แล้ว ได้ความว่า จำเลยฆ่านายบุญตายเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ศาลย่อมลงโทษเท่าที่จำเลยกระทำผิดได้
พิพากษายืน