คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8387/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่าซื้อบอกให้จำเลยไปขับรถออกมา เพราะผู้เช่าซื้อกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อตกลงกันได้แล้ว จำเลยก็ไปเอารถคืนมาและมอบให้แก่ผู้เช่าซื้อในทันที การที่จำเลยเข้าไปเอารถที่จอดอยู่และขับออกมาจากบริษัทผู้ให้เช่าซื้ออย่างเปิดเผยเป็นการกระทำโดยสุจริตและโดยเชื่อว่ามีการตกลงกันได้ตามที่ผู้เช่าซื้อบอกจำเลย การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาทุจริต ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ จำคุก ๒ ปี คำให้การในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า รถยนต์หมายเลขทะเบียน บ – ๔๓๔๓ พัทลุง ธ. เช่าซื้อมาจากบริษัทนครหลวงเจริญเช่าซื้อหาดใหญ่ จำกัด หลังจากเช่าซื้อมาแล้ว จำเลยเป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุปรากฏว่ารถยนต์คันที่เช่าซื้อหายไปจากบ้าน ธ. ในตอนเช้า ธ. เข้าใจว่าบริษัทที่ให้เช่าซื้อเอารถไปจึงให้จำเลยไปดูปรากฏว่าพบรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ที่ลานจอดรถ จำเลยจึงกลับมาบอก ธ. ในตอนบ่าย จำเลยอ้างว่า ธ. บอกว่าได้ตกลงกับบริษัทผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว ธ. จึงให้จำเลยไปเอารถยนต์คันที่เช่าซื้อคืน จำเลยจึงไปขับกลับออกมา โดยในชั้นสอบสวนจำเลยให้การแก่พนักงานสอบสวนว่า ธ. ให้จำเลยไปเอารถมาโดย ธ. บอกว่าตกลงกับบริษัทผู้เสียหายได้แล้ว จำเลยให้การแก่พนักงานสอบสวนในวันที่ถูกจับกุมยังไม่มีเวลาพอที่จะเติมแต่งคำให้การ น่าเชื่อว่าจำเลยให้การแก่พนักงานสอบสวนตามความเป็นจริง หลังจากนั้นจำเลยไปเอารถยนต์คันที่เช่าซื้อจากบริษัทผู้เสียหายตามที่ ธ. บอก การที่จำเลยขับรถยนต์คันที่เช่าซื้อออกจากบริษัทของผู้เสียหายก็เนื่องจาก ธ. บอกให้จำเลยไปขับรถออกมา เพราะ ธ. กับบริษัทผู้เสียหายตกลงกันได้แล้ว พนักงานเร่งรัดหนี้และติดตามยึดรถคืนของบริษัทผู้เสียหายเบิกความว่า ไปยึดรถคืนจากบ้าน ธ. เมื่อเวลา ๗ นาฬิกา แล้วนำมาไว้ที่ลานจอดรถของผู้เสียหาย ซึ่งต่อมาจำเลยขับรถคันดังกล่าวออกจากบริษัทผู้เสียหายในเวลาบ่าย ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรที่ ธ. กับบริษัทผู้เสียหายจะเจรจาตกลงกันได้แล้ว ธ. จึงมาบอกจำเลย ดังนั้น ที่จำเลยเชื่อว่า ธ. กับบริษัทผู้เสียหายตกลงกันได้แล้วจึงมีเหตุผล จำเลยเป็นเพียงลูกจ้างคนขับรถยนต์ของ ธ. การที่ ธ. กับบริษัทผู้เสียหายจะตกลงกันได้จริงหรือไม่จึงอยู่นอกเหนือการรู้เห็นของจำเลย เมื่อ ธ. บอกแก่จำเลยว่าตกลงกันได้และให้จำเลยไปเอารถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนจากบริษัทผู้เสียหาย จำเลยก็ไปเอารถคืนมาและมอบให้แก่ ธ. ในทันที การที่จำเลยเข้าไปเอารถที่จอดอยู่และขับออกมาจากบริษัทผู้เสียหายอย่างเปิดเผยเป็นการกระทำโดยสุจริตและโดยเชื่อว่ามีการตกลงกันได้แล้วระหว่าง ธ. กับบริษัทผู้เสียหายตามที่ ธ. บอกจำเลย การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาทุจริต จำเลยยังไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.

Share