คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินซึ่งกระทรวงการคลังรับโอนจากเอกชนมาขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ แล้วเอามาให้เอกชนเช่าอยู่นั้น ย่อมเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
ที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ผู้ใดไม่มีอำนาจยึด
ผู้ร้องชนะคดีโจทก์ชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ชำระแทนผู้ร้อง ๆ ย่อมฎีกาฉะเพาะค่าฤชาธรรมเนียมได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 168 เพราะศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมไว้.

ย่อยาว

คดีนี้ ข้าหลวงประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชยื่นคำร้องว่าที่ดินตามประกาศขายทอดตลาดของศาล ซึ่งโจทก์ขอให้ศาลยึดและขายทอดตลาดนั้น ได้ติดที่ดินราชพัสดุของรัฐบาลรวมอยู่ด้วย จึงขอให้ถอนการยึด โจทก์ค้านว่าที่พิพาทไม่ใช่ที่ราชพัสดุ และได้มีคำพิพากษาแสดงว่า ที่พิพาทนี้ไม่ใช่ของรัฐบาล เป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ถอนการยึด
โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่ของรัฐบาล
ผู้ร้องฎีกา ขอให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนผู้ร้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ เดิมเป็นของนายคง และได้โอนกันต่อมาจนถึงนายไข่ ๆ ค้างอากรค่านา ทางการจึงยึดขายทอดตลาด แต่ไม่มีใครซื้อ ต่อมากระทรวงการคลังได้รับโอนที่พิพาทมาเพื่อชำระหนี้ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ ต่อมานายทิ่นได้เช่าที่พิพาทจากกรมการอำเภอปากพนังทำนา นายทิ่นได้ฟ้องนายเติมกับพวกจำเลยหาว่าแย่งทำนา ศาลจังหวัดปากพนังวินิจฉัยว่า ยังชี้ขาดไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของรัฐบาล ให้ยกฟ้อง แต่คำพิพากษาไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิรัฐบาลที่อาจจะว่ากล่าวต่อไป คดีถึงที่สุดชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่าที่พิพาทฟังได้ชัดว่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน โจทก์จึงไม่มีอำนาจยึด ส่วนฎีกาของผู้ร้องเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมนั้น ผู้ร้องฎีกาได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๖๘ เพราะศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดค่าฤชาธรรมเนียมไว้ เพราะผู้ร้องชนะคดีในชั้นอุทธรณ์
พิพากษาแก้ ให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องในชั้นอุทธรณ์.

Share