คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดที่มีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้อง เป็นกรณีที่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้ต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนที่ได้เอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดที่ดินเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2543 โดยผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อได้แต่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดให้แก่ผู้ร้องเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งล่วงเลยการเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งคืนรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร 4 ผ – 3455 ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี ถ้าส่งคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาเป็นเงิน 34,000 บาท ค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 6,500 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,300 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นเวลา 6 เดือน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 151963 ตำบลบางซื่อ (บางเขนฝั่งใต้) อำเภอบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีชื่อนางสุนทร แหลมคม เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ออกขายทอดตลาดโดยนายศักดิ์ชัย ตั้งเทียนชัยชนะ ผู้ซื้อทรัพย์ เป็นผู้ซื้อได้ในราคา 200,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 151963 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับหนี้ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 903/2539 ของศาลชั้นต้น ทั้งผู้ร้องมิได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 2 และผู้ร้องไม่เคยทราบเรื่องการขายทอดตลาด เนื่องจากโจทก์ปกปิดการขายทอดตลาด ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายและได้ทรัพย์สินมาในระหว่างอยู่กินด้วยกัน การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย และคำร้องของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากยื่นคำร้องภายหลังการขายทอดตลาด ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้เนื่องจากผู้ร้องมิได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 2 และมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับหนี้ของจำเลยทั้งสอง การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวจึงมีความมุ่งหมายเพื่อได้รับผลที่จะให้พนักงานบังคับคดีปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องอันเป็นกรณีที่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้ต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนที่ได้เอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด คดีนี้ได้ความว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2543 โดยผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ซื้อได้ในราคา 200,000 บาท แต่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนให้แก่ผู้ร้องเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2543 ซึ่งล่วงเลยการเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share