คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยพิพาทกันในเรื่องที่ดินที่สุดได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมกันต่อศาลใจความสำคัญว่าตกลงให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดโดยวิธีปูโฉนดให้ได้เนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ให้เป็นของโจทก์ ส่วนที่เหลือให้เป็นของจำเลย
เจ้าพนักงานไปรังวัดแล้วรายงานต่อศาลว่าหาหมุดไม่พบไม่อาจทำการรังวัดโดยวิธีปูโฉนดได้ แต่ก็ได้ทำการรังวัดโดยวิธีอื่นและได้เนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ตามรายงานที่ส่งศาลโจทก์จำเลยมารับทราบและตรวจดูแผนที่แล้วได้แถลงร่วมกันขอให้เรียกผู้ทำแผนที่มาเบิกความเพื่อศาลจะได้คำนวณเนื้อที่ว่าตรงกับที่โจทก์จำเลยทำยอมไว้หรือไม่
เมื่อผู้ทำแผนที่มาเบิกความว่าแผนที่พิพาทมีเนื้อที่ 11 ไร่ 80 วาถูกต้องแล้วดังนี้จำนวนเนื้อที่ที่เจ้าพนักงานรังวัดโดยวิธีอื่นนี้อยู่ในข้อตกลงอันสืบเนื่องมาจากสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันนั่นเองชอบที่จะบังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่าโจทก์กับภรรยาได้ซื้อที่นาโฉนดที่ 4231จังหวัดอยุธยาจากนางสละบุตรจำเลย หลังจากรับโอนแล้วจำเลยโต้แย้งสิทธิบนที่ดินแปลงนี้ โจทก์จึงตกลงซื้อที่ดินเฉพาะที่จำเลยอ้างว่าโอบล้อมปิดหน้าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากบุตรจำเลยและได้ชำระเงินแล้ว ภายหลังทราบว่าที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์นั้นอยู่ในเขตโฉนด จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์ครอบครองโฉนดของโจทก์ที่ซื้อจากบุตรจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นของจำเลยเป็นที่ดินอยู่ในโฉนดเลขที่ 4231 ดังกล่าวและห้ามมิให้จำเลยขัดขวาง กับบังคับให้จำเลยไปทำการแบ่งแยกและสัญญาจดทะเบียนขายให้แก่จำเลย

จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย

เมื่อโจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งแล้ว โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อสู้มีข้อความสำคัญดังนี้

โจทก์จำเลยยอมรับรองกันว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4231 เป็นของโจทก์และโฉนดที่ 3858 เป็นของจำเลยโดยถูกต้องทั้งสองฝ่ายโฉนดสองแปลงนี้มีเนื้อที่ดินติดกันและกำลังพิพาทกันอยู่ โจทก์จำเลยยอมตกลงกันว่าขอให้เจ้าพนักงานหอทะเบียนที่ดินออกไปรังวัดสอบเขตปูโฉนดเลขที่ 4231 ให้ได้เนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ตามเนื้อที่ในโฉนดส่วนที่เหลือเป็นของจำเลยคู่ความยอมถือเอาตามที่เจ้าหน้าที่ปูโฉนดได้จัดการรังวัดปูโฉนดให้โดยคู่ความจะไปเองหรือส่งผู้แทนไปตราดูการปูโฉนด

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความและให้บังคับตามยอม

เจ้าพนักงานหอทะเบียนได้ไปทำแผนที่สอบเขตโฉนดแล้วรายงานว่าหาหมุดฐานไม่พบ ไม่อาจบอกเขตโฉนดให้ได้เนื้อที่โดยถูกต้องได้แต่ถึงกระนั้นก็ดีเจ้าพนักงานก็ได้พยายามจัดทำแผนที่พิพาทอย่างใกล้เคียงต่อความจริงอย่างที่สุด ทั้งนี้โดยโจทก์จำเลยได้ให้เจ้าพนักงานจัดทำ และชี้เขตร่วมกันทั้งสองฝ่าย

นายสมเจ้าพนักงานและพยานร่วมเบิกความยืนยันว่า เส้นสีแดงเนื้อที่ 11 ไร่ 80 วาพอดี ศาลชั้นต้นจึงให้บังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความทุกประการ

จำเลยร้องว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาลว่า ให้ทำแผนที่โฉนดที่พิพาทโดยวิธีปูโฉนด แต่การทำแผนที่นี้เจ้าพนักงานรังวัดไม่ได้ปูโฉนด คงทำการรังวัดตามที่โจทก์นำชี้จำเลยจึงเห็นว่าการทำแผนที่นี้ยังไม่ถูกต้องตามคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาล จึงขอให้ดำเนินการพิจารณาต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เห็นว่าการทำแผนที่พิพาทของเจ้าพนักงานหอทะเบียนโดยคู่ความทั้งสองฝ่ายนำชี้นั้นตรงกับข้อความในสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์จำเลยจะได้ตกลงกันให้รังวัดสอบเขตโดยวิธีปูโฉนดก็ดี แต่เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่เสร็จแล้ว มีหนังสือแจ้งว่าการปูเขตโฉนดให้ได้เนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ตามที่ศาลสั่งนั้นไม่อาจทำได้และในหนังสือฉบับนี้ก็ได้แจ้งไว้ด้วยว่าตามที่ศาลต้องการทราบนั้นแจ้งอยู่ในแผนที่ที่ได้ส่งมาพร้อมหนังสือนี้แล้ว โจทก์จำเลยมารับทราบและตรวจดูแผนที่ก็ได้แถลงร่วมกันขอให้เรียกนายสมผู้ทำแผนที่มาเบิกความ เมื่อได้ความจากนายสมแล้วศาลจะได้คำนวนเนื้อที่ภายในเส้นสีแดงว่าตรงกับจำนวนตามที่โจทก์จำเลยทำสัญญายอมกันไว้หรือไม่

นายสมได้ชี้แจงยืนยันว่าเนื้อที่ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทเป็นจำนวน 11 ไร่ 80 วา ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าคำเบิกความของนายสมพยานร่วมนี้เป็นความประสงค์ของโจทก์จำเลยตามที่ต้องการจะทราบจำนวนเนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ในแผนที่วิวาทว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ภายหลังจากที่ได้ทราบว่าการปูโฉนดทำไม่ได้แล้วเนื้อที่ที่เหลือให้เป็นของจำเลยอันเป็นข้อตกลงสืบเนื่องมาจากสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันนั่นเองพิพากษายืน

Share