คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องว่ามิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลได้นัดคู่ความพร้อมกัน ในวันนัดศาลสอบข้อเท็จจริงจากทนายโจทก์และพิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ดังนี้ การที่ศาลขึ้นนั่งพิจารณาแล้วสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้ว

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องจากโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้วโจทก์กับจำเลยที่ 2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยที่ 2 ตกลงจ่ายเงินให้โจทก์จำนวน 500,000 บาท แล้วออกเป็นเช็ครวม12 ฉบับให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ขอออกหมายบังคับคดี เพราะเช็คฉบับแรกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ศาลแรงงานกลางยึดทรัพย์จำเลยที่ 2ออกขายทอดตลาด จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านว่าไม่ได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้บังคับคดีตามหมายบังคับคดี จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 แสดงว่า จำเลยที่ 2 มิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความต่อโจทก์ หากศาลแรงงานกลางจะไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีตามคำร้องฉบับลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2531ของจำเลยที่ 2 และพิจารณาข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แล้วย่อมจะเห็นได้ว่า จำเลยที่ 2 มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความต่อโจทก์ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องโดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้องให้ปรากฏข้อเท็จจริงจึงไม่ชอบ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำสั่งของศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางไต่สวนคำร้องฉบับลงวันที่ 3พฤศจิกายน 2531 ของจำเลยที่ 2 และพิพากษาให้เพิกถอนหมายบังคับคดีปล่อยทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ที่โจทก์นำยึดไว้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีได้ความตามท้องสำนวนว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องลงวันที่3 พฤศจิกายน 2531 อ้างว่าจำเลยที่ 2 มิได้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความต่อโจทก์ ให้เพิกถอนหมายบังคับคดีที่ศาลแรงงานกลางออกไว้เสียศาลแรงงานกลางก็ได้สั่งให้นัดโจทก์และจำเลยที่ 2 มาพร้อมกันซึ่งในวันนัดทนายโจทก์และผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 มาศาล ศาลได้สอบข้อเท็จจริงจากทนายโจทก์ และพิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องของจำเลยที่ 2 แล้ว ได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่าเมื่อโจทก์นำเช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถือว่าจำเลยที่ 2 ผิดสัญญาประนีประนอมแล้ว โจทก์ย่อมขอบังคับคดีกับจำเลยที่ 2 ได้ จึงให้บังคับคดีตามหมายบังคับคดีที่โจทก์ยื่นคำขอลงวันที่ 20 กันยายน 2531 ต่อไป และให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2531 เสีย จากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ศาลแรงงานกลางได้ไต่สวนคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2531 แล้ว เพราะการไต่สวนคำร้องหาจำเป็นต้องให้คู่ความแต่ละฝ่ายนำพยานมาสืบต่อศาลเสมอไปไม่การที่ศาลขึ้นนั่งพิจารณาแล้วสอบข้อเท็จจริงก็ถือได้ว่าเป็นการไต่สวนแล้ว เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำเช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ถือว่าเป็นกรณีโจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินไม่ได้ อันเป็นเงื่อนไขให้จำเลยที่ 2 ต้องชำระเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทให้โจทก์แล้ว เหตุที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นอ้างตามคำร้องลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2531 แม้หากไต่สวนต่อไปจะรับฟังได้ว่าเป็นความจริง ก็ไม่เป็นเหตุให้ถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ศาลแรงงานกลางงดการไต่สวนต่อไปแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 เสีย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share