แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาให้โจทก์เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกแถวแล้วจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาได้ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาเมื่อใด แต่โจทก์นำสืบว่าสัญญากันเสร็จโจทก์จะเข้าทำการก่อสร้าง จำเลยกลับไม่ยอมให้โจทก์เข้าไปทำการก่อสร้าง ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะบังคับตามสัญญาเริ่มตั้งแต่วันทำสัญญาเป็นต้นไป โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินกำหนด 10 ปีนับแต่วันดังกล่าว คดีโจทก์เป็นอันขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163, 164 และ 169
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๐ จำเลยทำสัญญาให้โจทก์เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกแถว นับแต่จำเลยได้ตกลงทำสัญญาดังกล่าวจำเลยได้กระทำผิดสัญญา โดยไม่ยอมส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ และขัดขวางมิให้โจทก์แสวงหาผลประโยชน์ในที่เช่าเป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาได้ ขอให้ศาลพิพากษาและบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้บอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ และโจทก์ทราบการบอกเลิกสัญญาของจำเลยแล้วอย่างช้าตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน๒๕๑๐ นับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปีแล้ว ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินกำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันทำสัญญา จึงขาดอายุความ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาเมื่อใดแต่โจทก์นำสืบว่า ทำสัญญากันเสร็จโจทก์จะเข้าทำการก่อสร้าง จำเลยกลับไม่ยอมให้โจทก์เข้าไปทำการก่อสร้าง ดังนี้ เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะบังคับตามสัญญาเริ่มตั้งแต่วันทำสัญญา คือ วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๐ เป็นต้นไป แต่โจทก์ปล่อยปละละเลยเรื่อยมา เพิ่งยื่นฟ้องคดีนี้ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๓ เกินกำหนด ๑๐ ปีแล้ว คดีโจทก์เป็นอันขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๓, ๑๖๔ และ๑๖๙
พิพากษายืน