แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดมีผลเป็นคำพิพากษา ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา คู่ความจะต้องอุทธรณ์ภายในกำหนด 1เดือน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ประกอบ พ.ร.บ. ล้มละลาย ฯมาตรา 153
หลังจากศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลายแล้วจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนสัญชาติและเชื้อชาติพม่า ได้เดินทางออกไปจากราชอาณาจักรไทยก่อนโจทก์ฟ้องเกินกว่า 1 ปี จำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายปัญหาที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยที่ 2 อุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนด 1เดือน นับแต่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เกี่ยวกับกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายหลังจากศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษา จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การและจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าหนี้ลงมติในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกว่าขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2529 ต่อมาวันที่25 พฤษภาคม 2530 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย วันที่ 1 กรกฎาคม 2530 จำเลยที่ 2ยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนวันนัดฟังคำพิพากษาออกไปอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 1 กันยายน 2530 ถึงวันนัดศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย จำเลยที่ 2 จึงอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนสัญชาติและเชื้อชาติพม่าได้เดินทางออกไปจากราชอาณาจักรไทยก่อนโจทก์ฟ้องเกินกว่า 1 ปี จำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายมีปัญหาว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ปัญหาที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นคำสั่งที่กระทำเมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณา และเป็นการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีทั้งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6 ระบุว่า”…พิพากษา หมายความตลอดถึงการที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยทำเป็นคำสั่ง…” ดังนั้น คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงมีผลเป็นคำพิพากษา ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา คู่ความจะต้องอุทธรณ์ภายในกำหนด 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229และพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 คดีนี้จำเลยที่ 2อุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนด 1 เดือนและเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เกี่ยวกับกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายหลังจากศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษา จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน