แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อน จำเลยฟ้องขับไล่บิดาโจทก์กับบริวารให้ออกจากที่แปลงพิพาท ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษาขับไล่บิดาโจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาทดังนี้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นบริวารบิดาในคดีก่อนมาฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทบางส่วนเป็นของโจทก์โดยย่าของโจทก์ยกให้ และได้ครอบครองมาโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแล้ว ข้ออ้างของโจทก์เช่นนี้เป็นการกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิดีกว่า ซึ่งกฎหมายยอมให้พิสูจน์ได้ และฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน เพราะคู่ความในคดีทั้งสองมิใช่เป็นคู่ความเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดที่ ๔๘๘๕ มีเนื้อที่ ๑๐๐ ไร่ ๒ งาน ๙๖ วา เมื่อนางจิ๋วย่าของโจทก์ยกที่ดินแปลงนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสามคนละ ๒๕ ไร่ รวมเป็นเนื้อที่ ๗๕ ไร่ ๒ งาน ๙๖ วา ที่เหลือยกให้บิดาโจทก์ โจทก์ได้ครอบครองทำกินโดยสงบและเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกินกว่า๑๐ ปี จำเลยขัดขวาง โดยจำเลยลอบไปโอนโฉนดใส่ชื่อตนเป็นเจ้าของขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ ๕๘๘๕ เฉพาะเนื้อที่ ๗๕ ไร่ ๒ งาน ๙๖ วา เป็นของโจทก์ ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการรับโอนที่ดินของโจทก์ให้คงสภาพเดิม
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทนางจิ๋วยกให้จำเลย จำเลยได้ฟ้องขับไล่บิดาโจทก์กับบริวารให้ออกไปจากที่แปลงนี้ ตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๑๗๘/๒๕๐๕ ของศาลจังหวัดนครปฐมศาลฎีกาพิพากษาว่าที่ดินเป็นของจำเลย พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร โจทก์เป็นบริวารบิดาโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฯลฯ
วันนัดพร้อม คู่ความรับกันว่าโจทก์เป็นบุตรนายฉุยจำเลยในคดีแดงที่ ๑๗๘/๒๕๐๕
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย พิพากษาว่าโจทก์เป็นบริวารนายฉุยจำเลยในคดีแดงที่ ๑๗๘/๒๕๐๕ ต้องถูกคำพิพากษาดังกล่าวใช้บังคับด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๑) โจทก์ไม่ได้แสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ (๒) คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใด ๆ เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า ตามฟ้องโจทก์ในคดีนี้อ้างว่าตนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น คือ ที่ดินแปลงนี้บางส่วน โดยได้รับการยกให้จากนางจิ๋ว และได้ครอบครองมาโดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว ข้ออ้างของโจทก์เช่นนี้เป็นการกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิดีกว่า ซึ่งกฎหมายยอมให้พิสูจน์ได้ แต่ในคดีนี้ยังไม่ได้มีการพิสูจน์กันว่าโจทก์ทั้งสามจะมีสิทธิดีกว่าจำเลยในคดีดังกล่าวว่าโจทก์ได้ครอบครองเป็นส่วนสัดจริงหรือไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ ๑๗๘/๒๕๐๕ นั้น คู่ความในคดีทั้งสองเรื่องนี้มิใช่เป็นคู่ความเดียวกันฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงมิใช่เป็นฟ้องซ้ำ
พิพากษายืน.