คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกันเป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนางนกแก้วได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินบางส่วนให้แก่โจทก์ โดยตกลงกันว่าเนื้อที่ที่แน่นอนให้ถือตามโฉนดที่แบ่งแยกแล้ว ให้คิดเงินตามจำนวนที่ดินที่แน่นอน จะโอนกรรมสิทธิ์เมื่อแบ่งแยกโฉนดแล้ว ที่ดินส่วนที่จะซื้อขายกันนี้ได้แบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้ว มีเนื้อที่ 29.5 ตารางวา คิดเป็นเงิน 11,800 บาท โจทก์ได้ผ่อนส่งไปแล้วเป็นเงิน 8,800 บาท คงเหลืออีก 3,000 บาท จำเลยสัญญาว่าจะลดให้ 10 % โจทก์จึงต้องชำระอีกเพียง 2,700 บาท กับชำระค่าทำถนนอีก 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 3,700 บาท โจทก์นัดให้จำเลยกับนางนกแก้วไปรับเงินและโอนกรรมสิทธิ์ ถึงวันนัดจำเลยไม่ยอมโอนส่วนนางนกแก้วยอมโอนให้แก่ผู้รับช่วงจากโจทก์และรับเงินส่วนของนางนกแก้วไปแล้ว ขอให้ศาลบังคับจำเลย

จำเลยให้การว่า โจทก์ผิดนัดเกิน 3 งวด จำเลยถือว่าโจทก์ผิดสัญญาได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว จำเลยมีสิทธิริบเงินที่ชำระไปแล้ว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกับนางนกแก้วทำการเป็นหุ้นส่วนกัน การที่นางนกแก้วยอมรับเงินจากโจทก์และโอนที่ดินนั้นเป็นการผูกพันจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050 พิพากษาให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระเงินอีกเพียง 1,850 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ยังค้างชำระเงินแก่จำเลยอีก 3,400 บาท ไม่ใช่ 1,850 บาท จึงพิพากษาแก้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่า นางนกแก้วกับจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกัน การที่นางนกแก้วผู้เดียวยินยอมตกลงรับเงินผ่อนชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้ง 5 งวด จากโจทก์ ในเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาแล้วประการหนึ่งและยินยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินพิพาทไปอีกประการหนึ่งนั้น จำเลยไม่ได้ตกลงรู้เห็นยินยอมด้วย จึงไม่ผูกพันถึงจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1358 ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกับนางนกแก้วได้ตกลงร่วมกันจัดการซื้อที่ดินโฉนดที่ 1591 มาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรในกิจการที่ทำนั้นมาแบ่งปันกัน กิจการที่จำเลยและนางนกแก้วกระทำไปนี้จึงเป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 การที่นางนกแก้วรู้เห็นยินยอมให้โจทก์ขายช่วงและยินยอมรับเงินจากโจทก์ดังกล่าวนั้น นางนกแก้วได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าของห้างหุ้นส่วนจำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมกันกับนางนกแก้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีมาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share