แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือออกไปอีกมีกำหนด 3 เดือน โดยอ้างว่าร่วมทุนกับบุคคลอื่นซื้อทรัพย์รายนี้ ปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ลงทุนเป็นเงินสดในอัตราร้อยละ 3 ของราคาที่ดินที่ซื้อเท่านั้น ส่วนผู้ร่วมลงทุนอื่นซึ่งไม่มีนิติสัมพันธ์ตามสัญญาซื้อขายที่ดินร่วมกันลงทุนถึงร้อยละ 97 ทั้งในคำร้องก็ไม่ได้ระบุหรือแสดงเหตุผลอื่นอันสมควรให้เห็นว่าผู้ซื้อทรัพย์และผู้ร่วมลงทุนอื่น ได้ดำเนินการระดมทุนด้วยวิธีใดข้ออ้างของผู้ซื้อทรัพย์ในเรื่องนี้จึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนที่ผู้ซื้อทรัพย์อ้างว่าเงินที่ต้องชำระส่วนที่เหลือเป็นเงินจำนวนมากไม่อาจรวบรวมมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทันภายในกำหนดนั้น ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้เรียกเก็บราคาที่ดินส่วนที่เหลือ 7,460,000 บาท แต่เนื่องจากเห็นว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้น จึงให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินค่าซื้อทรัพย์เพียงร้อยละ 5.5 ของราคาที่ซื้อได้เป็นเงิน 413,050 บาท เพื่อหักเงินมัดจำที่วางไว้แล้วคงให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเพิ่ม 363,050 บาทเท่านั้น กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขยายระยะเวลาให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ต่อไป การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งไม่ให้ขยายระยะเวลาการชำระเงินจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริตและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 96, 390 และ 1237 ถึง 1242 ตำบลผักปัง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ดำเนินการขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้น นายสมเกียรติ ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 7,510,000 บาท ผู้ซื้อทรัพย์ทำสัญญาซื้อขายกับเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยในข้อ 2.3 ของสัญญาซื้อขายระบุว่าผู้ซื้อทรัพย์ได้วางเงินมัดจำไว้ 50,000 บาท และสัญญาว่าจะนำเงินซึ่งยังค้างชำระอยู่เป็นเงิน 7,460,000 บาท มาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันซื้อเป็นต้นไปหากไม่สามารถชำระเงินตามกำหนด และผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินซึ่งต้องระบุเหตุผลและความจำเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีจะขยายให้อีกตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ไม่เกิน 3 เดือน และไม่ว่ากรณีใด ๆ จะไม่มีการขยายเวลาวางเงินให้อีก ถ้าไม่นำเงินที่เหลือมาชำระให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดดังกล่าวผู้ซื้อทรัพย์ยอมให้เจ้าพนักงานบังคับคดีริบเงินมัดจำที่วางไว้ และหากมีการขายทอดตลาดต่อไปได้ราคาสุทธิต่ำกว่าครั้งก่อนเท่าใด ผู้ซื้อทรัพย์ยอมรับผิดชดใช้ให้เต็มจำนวนที่ผู้ซื้อทรัพย์ประมูลไว้ในครั้งก่อน และค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับการขายทอดตลาดครั้งหลังต่อมาผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าซื้อทรัพย์ออกไปอีก 3 เดือนเจ้าพนักงานบังคับคดีพิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตโดยให้เหตุผลว่าไม่มีเหตุอันควรให้ขยายระยะเวลาวางเงินออกไปเนื่องจากสัญญาร่วมทุนระหว่างผู้ซื้อทรัพย์กับบุคคลภายนอกสามารถรวบรวมเงินกันได้ทันที การที่ผู้ซื้อทรัพย์กับบุคคลภายนอกตกลงกันจะชำระเงินภายใน 90 วัน ไม่ผูกพันเจ้าพนักงานบังคับคดีและเนื่องจากจำเลยที่ 2 ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงกำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินค่าซื้อทรัพย์ร้อยละ 5.5 ของราคาที่ซื้อได้เป็นเงิน 413,050 บาท เมื่อหักเงินที่วางมัดจำไว้ จึงให้วางเพิ่ม 363,050 บาท โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ซื้อทรัพย์ทราบในวันเดียวกัน
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า ผู้ซื้อทรัพย์ทำสัญญาร่วมทุนกับบุคคลภายนอก กำหนดชำระเงินภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ประมูลได้ ผู้ซื้อทรัพย์สามารถระดมทุนได้แน่นอน แต่ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวนมากต้องใช้เวลารวบรวมเงินเกินกว่า 15 วัน การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินแก่รายอื่น โดยไม่อนุญาตให้ผู้ซื้อทรัพย์ขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีก 3 เดือนจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติและไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ซื้อทรัพย์ขอให้มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาชำระเงินออกไป 3 เดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า พฤติการณ์ของผู้ซื้อทรัพย์ส่อไปในทางประวิงการวางเงินค่าซื้อทรัพย์อาจทำให้โจทก์และจำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหาย การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งไม่ให้ขยายระยะเวลาการชำระเงินนั้นเป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริตและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ซื้อทรัพย์ขยายระยะเวลาชำระเงินเป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ในเบื้องต้นผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือจำนวน 7,460,000 บาท ออกไปอีกมีกำหนด 3 เดือน โดยอ้างว่าได้ร่วมทุนกับบุคคลอื่นซื้อทรัพย์รายนี้ตามสำเนาสัญญาร่วมทุนที่เสนอพร้อมคำร้อง เมื่อพิจารณาสัญญาร่วมทุนเอกสารหมาย ร.2 ปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ลงทุนเป็นเงินสดในอัตราร้อยละ 3 ของราคาที่ดินที่ซื้อเท่านั้น ส่วนผู้ร่วมลงทุนอื่นซึ่งไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ตามสัญญาซื้อขายที่ดินร่วมกันลงทุนถึงร้อยละ 97 ทั้งในคำร้องก็ไม่ได้ระบุหรือแสดงเหตุผลอื่นอันสมควรให้เห็นว่าผู้ซื้อทรัพย์และผู้ร่วมลงทุนอื่นได้ดำเนินการระดมทุนด้วยวิธีใดข้ออ้างของผู้ซื้อทรัพย์ในเรื่องนี้จึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนที่ผู้ซื้อทรัพย์อ้างว่าเงินที่ต้องชำระส่วนที่เหลือเป็นเงินจำนวนมากไม่อาจรวบรวมมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทันภายในกำหนดนั้น ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้เรียกเก็บราคาที่ดินส่วนที่เหลือจำนวน 7,460,000 บาท ตามคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้น จึงให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินค่าซื้อทรัพย์เพียงร้อยละ 5.5 ของราคาที่ซื้อได้เป็นเงิน 413,050 บาท เมื่อหักเงินมัดจำที่วางไว้แล้วคงให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินเพิ่มจำนวน 363,050 บาท เท่านั้น กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขยายระยะเวลาให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ต่อไป การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งไม่ให้ขยายระยะเวลาการชำระเงินจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยสุจริตและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ