คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8314-8315/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยพิมพ์ตัวเลขโฉนดที่ดินผิดพลาด ศาลชั้นต้นมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นเพียงการแก้ไขในรายละเอียดให้ตรงตามความเป็นจริง มิใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอันเป็นผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป
โฉนดที่ดินที่จำนองมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายแปลงก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดี เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองมิได้ตกลงยินยอมให้จำเลยทำการแบ่งแยกที่ดินที่จำนองออกไปโดยปลดจากการจำนอง ต้องถือว่าการจำนองยังคงครอบไปถึงส่วนเหล่านั้นหมดทุกส่วนที่แบ่งแยกออกไปอยู่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 717 โจทก์จึงมีสิทธิขอให้บังคับจำนองแก่ที่ดินทุกแปลงที่แบ่งแยกออกมาจากที่ดินที่จำนองอย่างทรัพย์ที่จำนองได้ มิใช่เป็นการบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยอันจะทำให้การบังคับคดีไม่เป็นไปตามคำพิพากษา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,882,022.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 2,780,398.25 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 658 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี ออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ ถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ในชั้นบังคับคดีโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำพิพากษาอ้างว่าคำพิพากษามีข้อผิดพลาดเล็กน้อย เนื่องจากเลขโฉนดที่ดินไม่ตรงกับฟ้อง ขอให้มีคำสั่งแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ยึดโฉนดเลขที่ 658 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี ออกขายทอดตลาดเป็นให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 685 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ออกขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยยื่นคำร้องว่า การบังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังไปตามลำดับดังที่ระบุไว้ในคำพิพากษา โดยคำพิพากษาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้แก้ไขเป็นให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 685 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาด การที่โจทก์นำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 55728 ถึง 55735 ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี รวมเข้าไปด้วย จึงเป็นการบังคับคดีไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษาเป็นการไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์บังคับคดีให้เป็นไปตามลำดับคำพิพากษา
ในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้วเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด จำเลยได้ดำเนินการแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์จำนองออกเป็นอีก 8 แปลง จึงมิใช่การบังคับคดีไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษา ให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งเป็นไม่รับคำร้อง (ที่ถูกควรเป็นยกคำร้อง) ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง (ที่ถูกต้องทำเป็นอุทธรณ์)
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน และให้ยกอุทธรณ์ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม 2547 ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์สำหรับอุทธรณ์ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม 2547 ทั้งหมดแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้แก้ไขคำพิพากษาชอบหรือไม่ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์โดยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 685 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างมาจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ตามสำเนาสัญญากู้เงิน สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน และสำเนาหนังสือสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองกรรมสิทธิ์ที่ดินท้ายฟ้อง ในชั้นพิจารณาจำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 685 ดังกล่าวมาจดทะเบียนจำนองไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้แก่โจทก์ตามสัญญาจำนองที่ดินเอกสารหมาย จ.4 เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยในคำพิพากษาศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์และนำที่ดินโฉนดเลขที่ 685 พร้อมสิ่งปลูกสร้างมาจดทะเบียนจำนองไว้เป็นประกันหนี้แก่โจทก์จริง แต่พิพากษาให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 658 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ออกขายทอดตลาดหากจำเลยไม่ชำระหนี้ ดังนั้น ย่อมเห็นได้ว่าเกิดจากการพิมพ์ตัวเลขผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย ศาลชั้นต้นมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ เพราะการขอแก้ไขเลขที่โฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ไขในรายละเอียดให้ตรงตามความเป็นจริง หาใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอันเป็นผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปดังที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใดไม่ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีเป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษาหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 685 ตามสัญญาจำนองได้มีการแบ่งแยกออกเป็นอีก 8 แปลง คือที่ดินโฉนดเลขที่ 55728 ถึง 55735 ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีนี้ จึงถือว่าเป็นคนละแปลงกัน และในคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายฟ้องและมิได้ขอบังคับถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 55728 ถึง 55735 ทั้งไม่ได้ระบุไว้ในคำพิพากษาให้ขายทอดทอดตลาดไปพร้อมกับที่ดินโฉนดเลขที่ 685 ดังกล่าว การที่โจทก์บังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 55728 ถึง 55735 ด้วย จึงเป็นการบังคับคดีไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษานั้น เห็นว่า แม้จะมีการแบ่งแยกที่ดินที่จำนองโฉนดเลขที่ 685 ออกเป็นหลายแปลงตามโฉนดเลขที่ 55728 ถึง 55735 ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ในฐานะผู้รับจำนองได้ตกลงยินยอมให้จำเลยทำการแบ่งแยกที่ดินที่จำนองออกไปโดยปลอดจากการจำนอง ต้องถือว่าการจำนองยังคงครองไปถึงส่วนเหล่านั้นหมดทุกส่วนที่แบ่งแยกออกไปด้วยกันอยู่นั่นเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 717 โจทก์จึงมีสิทธิที่จะขอให้บังคับจำนองแก่ที่ดินทุกแปลงที่แบ่งแยกออกไปจากที่ดินที่จำนองอย่างทรัพย์ที่จำนองได้ ดังนั้น การที่โจทก์บังคับจำนองเอาแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 55728 ถึง 55735 ด้วยจึงมิใช่เป็นการบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยอันจะทำให้การบังคับคดีไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษาแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share