คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่า สินค้าที่รับประกันภัยไม่ได้เสียหายโดยสิ้นเชิง สามารถซ่อมแซมให้ใช้การได้โดยเสียค่าซ่อมไม่เกิน 1,297,375 บาท โดยจำเลยไม่ได้ให้การว่า ซากสินค้าเป็นของโจทก์และต้องหักค่าซากสินค้าออกจากค่าเสียหาย คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้ต้องวินิจฉัยเรื่องการหักค่าซากสินค้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 8,060,252.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 7,454,568.62 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 5,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้นให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ต้องหักราคาซากอุปกรณ์ที่เสียหาย ซึ่งเห็นสมควรกำหนดให้เป็นเงินจำนวน 2,454,568.62 บาท ออกจากค่าเสียหายจำนวน 7,454,568.62 บาท ที่เรียกร้องจากจำเลยและพิพากษาให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นส่วนของต้นเงินจำนวน 5,000,000 บาท ชอบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยตกลงรับประกันภัยสินค้าจากโจทก์ เมื่อสินค้าที่เอาประกันภัยไว้เสียหาย จำเลยต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อจำนวนวินาศภัยอันแท้จริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินที่เอาประกันภัยและเมื่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า สินค้าที่เอาประกันภัยเสียหายถึงขนาดที่โจทก์ต้องซื้อใหม่มาใช้แทน เท่ากับว่า สินค้าที่เอาประกันภัยเสมือนเสียหายโดยสิ้นเชิงนั่นเอง ดังนั้น โจทก์จึงชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนราคาสินค้าเป็นเงิน 7,454,568.62 บาท ส่วนซากสินค้าที่เสียหายนั้น จะมีราคาเท่าใดหรือเมื่อจำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์แล้วจำเลยมีสิทธิรับซากสินค้าจากโจทก์ไปขายเพื่อนำเงินมาชดเชยได้เพียงใดหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจากการคิดมูลค่าความเสียหายของสินค้าที่เอาประกันภัย ซึ่งจำเลยก็ให้การต่อสู้ว่าสินค้าที่รับประกันภัยจากโจทก์ไม่ได้เสียหายโดยสิ้นเชิงแต่ยังสามารถซ่อมแซมให้ใช้การได้ดีโดยเสียค่าซ่อมแซมไม่เกิน 1,297,375 บาท เท่านั้น จำเลยไม่ได้ให้การว่า ซากสินค้าต้องเป็นของโจทก์และต้องหักค่าซากสินค้าออกจากค่าเสียหายแต่อย่างใด คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทให้ต้องวินิจฉัยในเรื่องการหักค่าซากสินค้า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยกำหนดราคาซากสินค้าแล้วนำมาหักออกจากค่าเสียหายจึงไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนที่จำเลยแก้อุทธรณ์ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องนั้น จำเลยต้องทำเป็นฟ้องอุทธรณ์ จะทำเป็นคำแก้อุทธรณ์หาได้ไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 8,060,252.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 7,454,568.62 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท คืนค่าขึ้นศาลชั้นนี้ที่เสียเกินมาแก่โจทก์.

Share