แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ากรณีเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง โดยจำเลยทั้งสองอนุญาตให้โจทก์ครอบครองทำกิน ในที่ดินพิพาท โจทก์มิได้มีเจตนาจะเข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ แต่เป็นการครอบครองแทนจำเลยทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และ คดีนี้ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 507ตำบลลำพาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากสารบบที่ดินแปลงดังกล่าวห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไปคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยทั้งสอง ออกจาก น.ส.3 เลขที่ 507นั้นเสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 104)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 117)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง ให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย เป็นการครอบครองแทนจำเลยทั้งสอง โจทก์จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง ในที่ดินพิพาทนั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนที่จำเลยทั้งสอง ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิเคราะห์พยานหลักฐานคลาดเคลื่อน ไม่ควรจะฟังว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แต่ควรจะ ฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนั้น ก็เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน คดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง