แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกันแม้การจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 อาจมิชอบด้วยกฎหมาย ก็หามีผลทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกจับกุมโดยไม่ชอบ การสอบสวนจึงไม่ชอบไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 335(1)(7)(8), 357
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุกคนละ2 ปี จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3มีกำหนดคนละ 1 ปี 4 เดือน และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาเพียงประการเดียวว่า คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3โดยไม่มีหมายจับ ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และไม่ได้แจ้งข้อหาก่อนการจับกุม การจับกุมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การสอบสวนและฟ้องร้องต่อมาย่อมเป็นการไม่ชอบเช่นเดียวกัน ขอให้ยกฟ้องเห็นว่า การจับกุมกับการสอบสวนเป็นการดำเนินการคนละขั้นตอนกันแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าการจับกุมจำเลยที่ 2 และที่ 3 อาจมิชอบด้วยกฎหมายก็เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่งต่างหากหามีผลทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่ามีการสอบสวนแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้ฎีกาว่าการสอบสวนไม่ชอบเพราะเหตุผลอื่น ๆ อีกจึงต้องถือว่าการสอบสวนในความผิดที่กล่าวหาตามฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกจับกุมโดยไม่ชอบ การสอบสวนจึงไม่ชอบไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 2 และที่ 3