แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะทำหนังสือสัญญาขายที่ดินและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่ลูกหนี้ เจ้าหนี้และลูกหนี้ต่างมีเจตนา อันแท้จริงที่จะผูกพันกันตามราคาที่ดินและเงื่อนไขการชำระราคาตามสัญญาจะซื้อขาย ส่วนการทำสัญญาขายที่ดิน เป็นเพียงวิธีดำเนินการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายเพื่อโอนกรรมสิทธิ์กันตามกฎหมายเท่านั้น การที่ลูกหนี้สั่งจ่าย เช็คพิพาทชำระค่าเสียหายอันเนื่องจากเช็คค่าที่ดินเดิมถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยเจ้าหนี้ยินยอมถอนคำร้องทุกข์และไม่ดำเนินคดีอาญาแก่ลูกหนี้ต่อไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ระงับข้อพิพาท ซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน และมีผลให้เจ้าหนี้ได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 850, 852 เจ้าหนี้จึงชอบที่จะได้รับชำระหนี้ตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ยจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลย (ลูกหนี้) เด็ดขาดและต่อมาได้พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมคดีล้มละลายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๓๑,๐๑๖,๗๑๔.๙๙ บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำรายงานความเห็นว่าเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้ชำระหนี้ตามเช็ค เพราะไม่มีมูลที่จะอ้างได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑) เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๑๐๗ (๑)
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ แผนกคดีล้มละลายพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๓๖ เป็นต้นไปถึงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๙ ซึ่งเป็น วันพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด โดยดอกเบี้ยเป็นเงินไม่เกิน ๖,๐๑๕,๖๒๔.๙๙ บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามทีคู่ความต่างไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้ว่า เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๔ ลูกหนี้ได้ตกลงจะซื้อที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๕๔๓ จากเจ้าหนี้ในราคา ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งชำระราคา ๓ งวด เป็นเช็คฉบับละ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามลำดับ ตามสำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.๑ ต่อมาวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๓๔ เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ทำหนังสือสัญญาขายที่ดินและจดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวแก่ลูกหนี้ โดยระบุราคาซื้อขายที่ดิน ๑๓,๗๕๐,๐๐๐ บาท และลูกหนี้ได้ชำระราคาเรียบร้อยแล้ว ตามสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.๑๖ ในวันดังกล่าว ลูกหนี้ได้ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเจ้าหนี้ได้คืนเช็คฉบับแรกแก่ลูกหนี้ ส่วนเช็คที่เหลืออีก ๒ ฉบับ ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เจ้าหนี้จึงดำเนิน คดีอาญาแก่ลูกหนี้ ลูกหนี้ตกลงยินยอมทำบันทึกขอใช้ค่าเสียหายโดยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๓๖ จำนวน ๒ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท แก่เจ้าหนี้ และเจ้าหนี้ได้ถอนคำร้องทุกข์ ครั้นเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เจ้าหนี้จึงนำมูลหนี้ตามเช็คดังกล่าวมาฟ้องลูกหนี้ให้เป็นบุคคลล้มละลาย และขอรับชำระหนี้ตามเช็คพิพาททั้ง ๒ ฉบับ พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมคดีล้มละลาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เช็คพิพาททั้ง ๒ ฉบับ มีมูลหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชำระแก่เจ้าหนี้หรือไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า ความผูกพันที่ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้ค่าที่ดินตามเช็คอีก ๒ ฉบับ ตามสำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.๑ เป็นอันระงับไปตามสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.๑๖ ลูกหนี้จึงไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาททั้ง ๒ ฉบับ ที่สั่งจ่ายเป็นค่าเสียหายอันเนื่องจากเช็คชำระค่าที่ดินดังกล่าว ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนั้น เห็นว่า แม้สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.๑๖ จะระบุว่าราคาที่ดิน ที่ซื้อขายกันเป็นเงิน ๑๓,๗๕๐,๐๐๐ บาท และลูกหนี้ได้ชำระราคาเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏว่าในวันทำสัญญา ดังกล่าวซึ่งได้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ลูกหนี้ได้ชำระเงินจำนวน ๑๓,๗๕๐,๐๐๐ บาท ตามข้อความในสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.๑๖ แก่เจ้าหนี้แต่อย่างใด คงได้ความตามคำให้การของพยานเจ้าหนี้ใน ชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้แต่เพียงว่าในวันทำสัญญาและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ลูกหนี้ได้ชำระเงินค่าที่ดินแก่เจ้าหนี้เพียง ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเจ้าหนี้ได้คืนเช็คชำระค่าที่ดินฉบับแรกให้แก่ลูกหนี้โดยมิได้มีการตกลง เวนคืนเช็คค่าที่ดินที่เหลืออีก ๒ ฉบับ ที่จะถึงกำหนดชำระภายหลังวันทำสัญญาขายที่ดินและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์แก่ลูกหนี้ หรือมีการกระทำใด ๆ อันแสดงว่าเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ตกลงจะไม่ผูกพันกันตามราคาที่ดินละเช็คทั้ง ๒ ฉบับ ดังกล่าวตามสำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อขาย เอกสารหมาย จ.๑ อีกต่อไป ประกอบกับภายหลังเมื่อธนาคารปฏิเสธ การจ่ายเงินตามเช็คทั้ง ๒ ฉบับ แล้ว ลูกหนี้ยังได้ตกลงยินยอมใช้ค่าเสียหายโดยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้ง ๒ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เท่ากับจำนวนตามเช็คทั้ง ๒ ฉบับ เดิมดังกล่าวแก่เจ้าหนี้ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าขณะทำหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารหมาย จ.๑๖ และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่ลูกหนี้นั้น เจ้าหนี้และลูกหนี้ต่างมีเจตนาอันแท้จริงที่จะคงผูกพันกันตามราคาที่ดินและเงื่อนไขการชำระราคาตามสำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อขาย เอกสารหมาย จ.๑ ส่วนการทำหนังสือสัญญาขายที่ดินตามเอกสารหมาย จ.๑๖ เป็นเพียงวิธีดำเนินการให้มีการการ จดทะเบียนซื้อขายเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายหาได้มีเจตนาจะเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกหนังสือสัญญาจะซื้อขายฉบับเดิมแต่อย่างใด ดังนั้น การที่ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คพิพาททั้ง ๒ ฉบับ ชำระค่าเสียหายอันเนื่องจาก เช็คค่าที่ดิน ๒ ฉบับ เดิมถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยเจ้าหนี้ยินยอมถอนคำร้องทุกข์และไม่ดำเนินคดีอาญาแก่ลูกหนี้ต่อไป จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยต่างยอม ผ่อนผันให้แก่กัน และมีผลให้เจ้าหนี้ได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๐, ๘๕๒ เจ้าหนี้จึงชอบที่จะได้รับชำระตามเช็คพิพาททั้ง ๒ ฉบับ พร้อมดอกเบี้ยจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษานั้นชอบแล้ว ฎีกาของเจ้าหนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ .