คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8303/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อรถยนต์จากจำเลยที่ 2 หลังจากโจทก์วางเงินมัดจำแล้วจำเลยที่ 2 จึงสั่งรถยนต์มาจากจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ดำเนินการจดทะเบียนรถยนต์ให้ โจทก์จึงร้องเรียนไปยังบริษัท ส. ซึ่งเป็นผู้ประกอบรถยนต์คันที่โจทก์ซื้อ บริษัท ส. มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าจำเลยที่ 1(ดิลเลอร์) ได้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 2(โบรคเกอร์) เพื่อเจรจาใช้หนี้ให้โจทก์ หากโจทก์ประสงค์ซื้อรถยนต์ในครั้งต่อไปขอให้ติดต่อกับจำเลยที่ 1 โดยตรงเพราะจำเลยที่ 1ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายจากบริษัท ส. แล้ว พอแปลคำว่าดิลเลอร์ได้ว่าหมายถึงผู้จำหน่าย ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของบริษัท ส. ดังนั้น จำเลยที่ 1จึงเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ของบริษัท ส. ส่วนคำว่าโบรคเกอร์ หมายถึงนายหน้าประกอบกับจำเลยที่ 2 มีวัตถุประสงค์เป็นนายหน้า ความสัมพันธ์ของจำเลยทั้งสองจึงอยู่ในลักษณะจำเลยที่ 1 เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นนายหน้าในการขายรถยนต์ให้
โจทก์ซื้อรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ผ่านทางจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดส่งมอบชุดจดทะเบียนแก่โจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 มีวัตถุประสงค์ในการค้าขาย นายหน้าจำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน การจำหน่ายรถยนต์ดังกล่าว จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยปริยายหรือแสดงออกชัดแจ้งแก่บุคคลทั่วไปว่าให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ของจำเลยที่ 1บริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด ได้ประกอบรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม เอส.เอ.ซี.068399 เลขตัวถัง เค.ที.จี.ดี.21 – อี.43915เลขเครื่องยนต์ 6277530 และได้ส่งมอบรถยนต์พร้อมชุดจดทะเบียนให้แก่จำเลยที่ 1 เพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อจำหน่ายแต่ยังไม่ส่งมอบชุดจดทะเบียนให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2538 โจทก์ได้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากจำเลยที่ 2 ในราคา 335,000 บาท ได้ชำระราคาและรับรถยนต์ไปแล้ว จำเลยที่ 2 แจ้งว่า เอกสารชุดจดทะเบียนอยู่กับจำเลยที่ 1แต่จนบัดนี้โจทก์ก็ยังไม่ได้รับเอกสารจากจำเลยทั้งสอง โจทก์ซื้อรถยนต์มาเพื่อใช้ขนสินค้าและเครื่องมือในการประกอบอาชีพการงานของโจทก์การกระทำของจำเลยทั้งสอง ทำให้โจทก์ไม่สามารถไปจดทะเบียนรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกได้จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากรถยนต์ได้เป็นเหตุให้โจทก์ต้องว่าจ้างรถยนต์ของผู้อื่นมาใช้ในอัตราค่าจ้างวันละ3,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันมอบชุดจดทะเบียนรถยนต์นิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม เอส.เอ.ซี.068399 เลขตัวถัง เค.ที.จี.ดี. 21 – อี.43915เลขเครื่องยนต์ 6277530 พร้อมเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องแก่โจทก์และร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบชุดจดทะเบียนแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยที่ 1โจทก์ซื้อรถยนต์จากจำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1ไม่เคยแสดงออกโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนหรือนายหน้าของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากจำเลยที่ 1 แล้วสั่งจ่ายเช็คชำระราคารถยนต์มีเงื่อนไขว่ากรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนจนกว่าจำเลยที่ 1 จะได้รับเงินตามเช็คปรากฏว่าเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 1 จึงไม่ส่งมอบชุดจดทะเบียนให้แก่จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่เคยว่าจ้างรถยนต์ผู้อื่น ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบชุดจดทะเบียนรถยนต์นิสสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม เอส.เอ.ซี. 068399 เลขตัวถังเค.ที.จี.ดี.21 – อี.43915 เลขเครื่องยนต์ 6277530 พร้อมเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องแก่โจทก์และให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาทนับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะส่งมอบชุดจดทะเบียนแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่โต้เถียงกันฟังเป็นยุติว่า บริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด เป็นผู้ประกอบรถยนต์ตามฟ้อง โจทก์ซื้อรถยนต์ตามฟ้องจากจำเลยที่ 2 ในราคา 335,000 บาท โจทก์ชำระราคาครบถ้วนและได้รับมอบรถยนต์ไว้แล้วจำเลยที่ 2 รับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากจำเลยที่ 1 โดยออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าสั่งจ่ายเงินจำนวน 360,000 บาท ให้ไว้แก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 เรียกเก็บเงินตามเช็คเอกสารหมาย ล.1 ไม่ได้ จำเลยที่ 1เป็นผู้ครอบครองเอกสารชุดจดทะเบียนรถยนต์คันที่โจทก์ซื้อ

มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 ส่งมอบชุดจดทะเบียนแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า นายยุทธกร ธีรวุฒิกุลรักษ์ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความว่า วันที่ 11 กันยายน 2538 โจทก์ซื้อรถยนต์ตามฟ้องจากจำเลยที่ 2 โดยขายรถยนต์ของโจทก์ให้จำเลยที่ 2 ในราคา 75,000 บาท ถือเป็นเงินมัดจำวันที่ 25 กันยายน 2538โจทก์ชำระราคาส่วนที่ค้างทั้งหมดให้จำเลยที่ 2 และนายชลอชาญเวโรจน์ กรรมการผู้จัดการจำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยที่ 2สั่งรถยนต์คันที่โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2538โดยออกเช็คเอกสารหมาย ล.1 ลงวันที่ 29 เมษายน 2539 สั่งจ่ายเงินจำนวน 360,000 บาท มอบให้จำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่า หลังจากโจทก์วางเงินมัดจำแล้วจำเลยที่ 2 จึงสั่งรถยนต์คันดังกล่าวมาจากจำเลยที่ 1 และออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าถึง 7 เดือนเศษ มอบให้จำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ดำเนินการจดทะเบียนรถยนต์ให้โจทก์จึงร้องเรียนไปยังนายพรเทพ พรประภา ประธานกรรมการบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบรถยนต์คันที่โจทก์ซื้อ ต่อมาบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด มีหนังสือลงวันที่ 18 เมษายน 2539ตามเอกสารหมาย จ.12 แจ้งโจทก์ว่าจำเลยที่ 1 (ดิลเลอร์) ได้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับจำเลยที่ 2 (โบรคเกอร์) เพื่อเจรจาใช้หนี้ให้โจทก์หากโจทก์ประสงค์ซื้อรถยนต์นิสสันในครั้งต่อไปขอให้ติดต่อกับจำเลยที่ 1โดยตรงเพราะจำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จำหน่ายจากบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด แล้ว ข้อความในเอกสารหมาย จ.12ที่ว่า จำเลยที่ 1 เป็นดิลเลอร์ของบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์จำกัด โดยจำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จำหน่ายจากบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด แล้วพอแปลคำว่า ดิลเลอร์ ได้ว่า หมายถึงผู้จำหน่าย ประกอบคำเบิกความของนายชลอที่ว่าจำเลยที่ 1มีวัตถุประสงค์เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อนิสสันของบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ของบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์จำกัด ส่วนคำว่าโบรคเกอร์นั้นนายชลอเบิกความว่า หมายถึงนายหน้าประกอบกับหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดนนทบุรีเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 (ตรงกับเอกสารหมาย จ.4) ระบุวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ในข้อ 3 ว่าเป็นนายหน้า และจำเลยที่ 1ไม่นำสืบปฏิเสธข้อความในเอกสารหมาย จ.12 ว่าไม่เป็นความจริงดังนั้น ความสัมพันธ์ของจำเลยทั้งสองที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.12จึงอยู่ในลักษณะจำเลยที่ 1 เป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ของบริษัทสยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นนายหน้าในการขายรถยนต์ให้จำเลยที่ 1 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์ซื้อรถยนต์ของจำเลยที่ 1ผ่านทางจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายหน้าของจำเลยที่ 1 ส่วนเช็คเอกสารหมายล.1 นั้น ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ออกเช็คเอกสารหมาย ล.1 ชำระราคารถยนต์คันที่นำมาขายให้โจทก์ตามที่จำเลยที่ 1 อ้าง แต่เช็คดังกล่าวมีลักษณะเป็นการประกันความเสียหายที่อาจจะเกิดแก่จำเลยที่ 1เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดส่งมอบชุดจดทะเบียนแก่โจทก์ ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่สุดแล้วจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดส่งมอบชุดจดทะเบียนแก่โจทก์ด้วย

พิพากษายืน

Share