คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้จำนวน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การต่อสู้ว่าความจริงโจทก์ให้จำเลยกู้ไปเพียง1,000 บาท แต่โจทก์หลอกลวงให้จำเลยทำสัญญากู้กับโจทก์ไว้ 20,000 บาท เพื่อให้โจทก์ยึดถือไว้แทนเงินกู้ 1,000 บาท โดยโจทก์จะไม่นำสัญญากู้นี้ไปใช้สิทธิเรียกร้องใด ๆ ดังนี้ เป็นการนำสืบถึงความไม่สมบูรณ์ของสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้อง ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2510จำนวน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดใช้คืนในวันที่ 1 สิงหาคม 2510 นับแต่กู้จำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องรวม 11 เดือน 7 วัน รวมทั้งต้นเงินเป็นจำนวนรวม 22,800 บาทขอให้บังคับจำเลยชำระพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จ

จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยกู้เงินจำนวนตามฟ้อง ความจริงแล้วจำเลยได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ซึ่งมีอาชีพให้พนักงานรถไฟกู้ยืมเงินไปเป็นจำนวนเพียง 1,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่โจทก์จะยอมให้พนักงานกู้ได้ไม่เกินจำนวนนี้ และโจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้เกินกว่าจำนวนที่กู้ไปจริง เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อผู้กู้แต่ละคน พร้อมทั้งให้มอบรูปถ่ายแบบฟอร์มยอดเงินสะสมการรถไฟและใบมอบฉันทะให้โจทก์ไปรับเงินได้ และให้จำเลยเขียนชื่อผู้บังคับบัญชาในช่องผู้ค้ำประกัน อีกฉบับหนึ่งให้โจทก์ยึดถือไว้ซึ่งความจริงแล้วจำเลยรับเงินจากโจทก์ไปเพียง 1,000 บาท และโจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อเดือน ซึ่งจำเลยได้ชำระให้ทุกเดือนพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการหลอกลวง สัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงิน 1,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2510 จนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าการนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญากู้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้ชัดแจ้ง ว่าโจทก์หลอกลวงให้จำเลยทำสัญญากู้ 20,000 บาท เพื่อให้โจทก์ยึดถือไว้แทนการชำระเงินกู้ 1,000 บาท โดยโจทก์จะไม่นำสัญญากู้นี้ไปใช้สิทธิเรียกร้องใด ๆ จึงเป็นการนำสืบถึงความไม่สมบูรณ์แห่งสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลย เพราะมิได้มีเจตนาทำสัญญากู้กัน 20,000 บาทจริง จำเลยจึงย่อมนำสืบหักล้างได้ มิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารอันจะต้องห้ามมิให้นำสืบไม่และวินิจฉัยข้อเท็จจริงยืนตามศาลล่างว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปเพียง1,000 บาท และคงค้างส่งดอกเบี้ยอีก 1 เดือน

พิพากษายืน

Share