คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่า แล้วคู่ความทำสัญญายอมควมกันว่า ผู้เช่ายอมออกจากห้องเช่านั้นไปอยู่ ที่อื่นชั่วคราว ผู้ให้เช่าจะจัดสร้างห้องรายนี้ใหม่ โดยผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้ 1 ห้องและเมื่อชำระเสร็จแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมให้ผู้เช่าเช่าอยู่ต่อไปอีก 1 ห้อง เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีนั้น จะให้หมายความเพียงว่าเช่าเพื่อใช้เป็น ที่อยู่อาศัยเท่านั้นหาได้ไม่อาจเป็นการเช่าอยู่เพื่อประกอบการค้าหรือธุรกิจอะไรอย่างใด ก็ได้ เมื่อตามข้อสัญญาไม่ ได้กล่าวให้ชัด ก็จำต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเรื่องนี้ต่อไป.
เดิมห้องเช่าพิพาทเป็นร้านจำหน่ายน้ำมันที่หน้าร้านมี ปั๊มน้ำมันตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงและห้องติดต่อกันเป็นร้าน ค้าขาย แสดงว่าห้องเช่าพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ประกอบกับผู้เช่ายอมออกเงินค่าก่อสร้างให้ผู้ให้เช่าเป็นจำนวน มาก ย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่าที่ยอมให้ผู้เช่า เช่าอยู่ต่อไปอีกนั้น เป็นการให้เช่าอยู่เพื่อทำการค้าน้ำมันตามเดิมนั้นเอง./

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่าของโจทก์ จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ.
ในที่สุดคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันดังนี้ (๑) จำเลยยอมออกจากห้องนี้ ฯลฯ (๒) โจทก์จะจัดการสร้าง ห้องรายนี้ใหม่ โดยจำเลยยอมออกเงินค่าก่อสร้างให้โจทก์ ๑ ห้อง แต่ไม่เกิน ๓๐๐๐๐ บาท ฯลฯ (๓) เมื่อจำเลยชำระเงิน ตามข้อ ๒ ให้โจทก์เสร็จแล้ว โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ต่อไปอีก ๑ ห้อง เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓ ปี ในอัตราค่าเช่าเดือน ละไม่เกิน ๘๐ บาท.
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปตามยอม.
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์บิดพลิ้วไม่ให้จำเลยเช่าทำการค้าเช่นเดิม
โจทก์ยื่นคำแถลงว่า ไม่บิดพลิ้วโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ตามสัญญายอม แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขแห่งสัญญาเช่าของโจทก.
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความ ได้ความว่าเนื่องจากจำเลยต้องการเช่าตึกรายนี้เพื่อทำการค้าน้ำมัน โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ จำเลยเช่าตึกนี้อีกต่อไป ทั้งอ้างว่าตามสัญยา ข้อ ๓ หมายถึงเช่าอยู่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำว่า “เช่าอยู่ต่อไปอีก” ฯลฯ เมื่อไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า มีเจตนาเป็นอย่างอื่นแล้ว ก็ต้องตีความหมายว่าเช่าอยู่ต่อไปอีกตามเดิมเมื่อโจทก์เป็นจำเลยรับกันว่า เดิมจำเลยได้ทำการค้าน้ำมันในห้องรายนี้ จำเลยก็ชอบที่จะเช่าทำการค้าน้ำมันต่อไปอีก ที่โจทก์ว่าตามสัญญายอมหมายถึงขอเช่าอยู่นั้น ไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานที่ จะแปลเช่นนั้นได้ จึงมีคำสั่งให้บังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญายอมความ.
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “ให้เช่าอยู่” จะให้หมายความเพียงว่าเช่าเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้นหาได้ไม่ อาจจะเป็นการเช่า อยู่เพื่อประกอบการค้าหรือธุระกิจอะไรอย่างใดก็ได้ เมื่อตามข้อสัญญาไม่ได้กล่าวให้ชัด ก็จำต้องพิจารณาถึงเจตนาของ คู่กรณีในเรื่องนี้ต่อไป.
ได้ความว่า ในห้องจำเลยเป็นร้านจำหน่ายน้ำมัน ที่หน้าร้านมีปั๊มน้ำมันตั้งอยู่ บริเวณใกล้เคียงและห้องติดต่อกันเป็น ร้านค้าขาย แสดงว่าห้องพิพาทตั้งอยู่ในทำเลการค้า ประกอบกับข้อที่จำเลยยอมออกเงินค่าก่อสร้างให้โจทก์เป็นจำนวน มากเช่นนี้ ย่อมบ่งชี้ให้เห็นเจตนาของคู่กรณีได้ชัดเจนว่า ที่ยอมให้จำเลยเช่าอยู่ต่อไปอีก ๑ ห้องนั้น เป็นการให้เช่าอยู่ เพื่อประกอบการค้าโดยไม่มีข้อสงสัย และเมื่อรับกันว่า เดิมจำเลยทำการค้าน้ำมันในห้องเช่านั้น ก็ต้องแปลเจตนาว่า เป็นการให้เช่าอยู่ เพื่อทำการค้าน้ำมันตามเดิมนั่นเอง
พิพากษากลับบังคับคดีตามศาลชั้นต้น./

Share