คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำหนังสือสัญญากู้ขึ้นฉะบับหนึ่งว่าตนกู้เงินของผู้มีชื่อ แม้ความจริงมิได้มี+การกู้เงินต่อกัน ก็ไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยสมคบกับผู้มีขื่อทำหนังสือชิ้นฉะบับหนึ่งมีข้อความว่านายแคล้ว จำเลยได้กู้เงินของนายจันจำเลยไป ๕๐๐ บาท ซึ่งความจริงนายแคล้วไม่ได้กู้และทำสัญญากู้ไว้ในชั้นเดิมเลย เพิ่งมาทำขึ้นเพื่อจะนำมาเรียกเงินจากโจทก์หรือเป็นพะยานในการฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้โจทก์ผู้เป็นภริยานายแคล้วจำเลยต้องรับผิดร่วมด้วยในเงินจำนวนนั้น ต่อมานายจันจำเลยได้ฟ้องนายแคล้วเรียกเงินตามหนังสือนั้น นายแคล้วจำเลยทำยอมต่อศาล ต่อมาจำเลยก็นำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ซึ่งเป็นสินบริคณห์ของโจทก์ ๆ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือตามมาตรา ๒๒๒, ๒๒๔, ๒๒๖ ซึ่งในข้อหาฐานปลอมหนังสือนี้ศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่เป็นการปลอมดั่งโจทก์อ้างเพราะการปลอมนั้นต้องมีของที่แท้จริงอยู่ก่อนแล้วทำปลอมของที่แท้จริงนั้น คดีนี้ จำเลยทำขึ้นเป็นของจำเลยจะว่าจำเลยทำปลอมของจำเลยเองไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้เสีย
โจทก์ฎีกาแม้นายแคล้ว จำเลยจะได้เป็นผู้ทำสัญญากู้ขึ้นเองก็เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ
ศาลฎีกาเห็นว่าลักษณที่จะเป็นปลอมหนังสือตามกฎหมายนั้น จะต้องทำปลอมขึ้นทั้งฉะบับหรือแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือเติมตัดทอนแก้ไขข้อความในหนังสือที่แท้จริงหรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมซึ่งสามารถอาจจะเกิดความเสียหายแก่สาธารณชนหรือบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดดังที่บัญญัติไว้ในกฎหมายอาญา ม. ๒๒๒ แต่คดีนี้นายแคล้วจำเลยได้ทำหนังสือของตนขึ้นเองทั้งฉะบับมิได้ทำปลอมหนังสืออันแท้จริงของผู้ใด จึงไม่เป็นการปลอมหนังสือตามกฎหมายที่กล่าวแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลล่างที่ให้ยกข้อหาโจทก์ฐานนี้เสีย

Share