คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3762/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ศาลซึ่งรายงานว่าไม่ต้องหักวันคุมขังให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วแจ้งให้ทนายจำเลยทราบโดยไม่ได้สั่งแก้ไขหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา เท่ากับให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 โดยเห็นด้วยกับรายงานของเจ้าหน้าที่ศาล จำเลยที่ 2 จึงอุทธรณ์คำสั่งได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ถูกคุมขังในคดีนี้ตามหมายขังระหว่างพิจารณาตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2544 โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ถือได้ว่าตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2544 ถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ พิพากษาจำเลยที่ 2 ถูกคุมขังมาก่อนศาลพิพากษา เมื่อคำพิพากษาไม่ได้ระบุว่าไม่ให้หักวันคุมขังให้แก่จำเลยที่ 2 จึงต้องหักวันคุมขังดังกล่าวออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 22

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 เดือน 15 วัน ให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.2215/2544

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ถูกคุมขังในคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2544จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 8 เดือนเศษ แต่หมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ระบุว่าจำเลยที่ 2 ถูกคุมขังมาแล้วกี่วัน ขอให้ศาลพิจารณาปล่อยตัวจำเลยที่ 2

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ศาลตรวจสอบแล้วรายงานเพื่อพิจารณา เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 2 โดยให้นับโทษจำคุกต่อจากคดีเรื่องอื่น กรณีจึงไม่หักวันต้องขังให้เพราะโทษจะนับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดโทษในคดีที่นับโทษต่อ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้รับรายงานแล้วแจ้งให้ทนายจำเลยทราบตามรายงานดังกล่าว โดยไม่ได้สั่งแก้ไขหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”จำเลยที่ 2 ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2544 โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2ไม่ได้ถูกควบคุมตัวในระหว่างสอบสวน แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางหมายขังจำเลยที่ 2 ระหว่างพิจารณาตั้งแต่วันฟ้องคือวันที่ 22 มกราคม2544 ตลอดมา จนกระทั่งวันที่ 11 ตุลาคม 2544 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 โดยให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ อ.2215/2544 ของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คดีถึงที่สุดแล้ว มีปัญหาในชั้นนี้ว่า จะต้องหักวันคุมขังให้แก่จำเลยที่ 2 หรือไม่ เห็นว่าการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ศาลซึ่งรายงานว่ากรณีนี้ไม่ต้องหักวันคุมขังให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางแจ้งให้ทนายจำเลยทราบตามรายงานดังกล่าวโดยไม่ได้สั่งแก้ไขหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกา จึงเท่ากับให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2 โดยเห็นด้วยกับรายงานของเจ้าหน้าที่ศาล จำเลยที่ 2 จึงอุทธรณ์คำสั่งได้เมื่อจำเลยที่ 2 ถูกคุมขังในคดีนี้ตามหมายขังระหว่างพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2544 โดยจำเลยที่ 2ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จึงถือได้ว่าตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2544 ถึงวันที่ 11ตุลาคม 2544 ซึ่งเป็นวันที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาจำเลยที่ 2 ถูกคุมขังมาก่อนศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษา เมื่อคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้ระบุว่าไม่ให้หักวันคุมขังให้แก่จำเลยที่ 2 จึงต้องหักวันคุมขังดังกล่าวออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่สั่งแก้ไขหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกาโดยให้หักวันคุมขังให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้หักวันคุมขังระหว่างพิจารณาออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางให้แก่จำเลยที่ 2 ด้วย และปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว จึงให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 2 ไปเฉพาะคดีนี้

Share