แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะนำใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะของบุคคลอื่นและหนังสือรับรองของโรงพยาบาล ส. ซึ่งรับรองว่าจำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมาแสดงเพื่อให้บุคคลอื่นและประชาชนทั่วไป เข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ โดยกระทำการตรวจโรค วินิจฉัยโรค และบำบัดโรคให้แก่ประชาชน การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียวคือเพื่อจะทำการประกอบโรคศิลปะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 16, 24, 57 พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะพ.ศ. 2542 มาตรา 30, 57ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 16 วรรคหนึ่ง, 24 วรรคหนึ่ง, 57 พระราชบัญญัติ การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 มาตรา 30, 57 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปีฐานทำการประกอบโรคศิลปะ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุก 6 เดือนฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 10 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 5 เดือน พิเคราะห์ข้อเท็จจริงจากรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้วไม่สมควรรอการลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต และความผิดฐานกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะพ.ศ. 2542 มาตรา 30 และมาตรา 57 เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายมาตราเดียวกัน แต่มีอัตราโทษไม่เท่ากัน จึงให้ลงโทษตามความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามมาตรา 57 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 6 เดือน เมื่อรวมโทษตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 แล้ว จำคุก 2 ปี 6เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 3 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สมควรวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของโจทก์ก่อนว่าการกระทำของจำเลยในฐานทำการประกอบโรคศิลปะ และฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยซึ่งมิได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะนำใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะของบุคคลอื่น และหนังสือรับรองของโรงพยาบาลสยาม ซึ่งรับรองว่าจำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่พยาบาลมาแสดงเพื่อให้บุคคลอื่นและประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ โดยกระทำการตรวจโรควินิจฉัยโรค และบำบัดโรคให้แก่ประชาชน การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเดียว คือ เพื่อจะทำการประกอบโรคศิลปะการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาว่า การกระทำทั้งสองฐานความผิดเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทและใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงแก่จำเลยนั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานทำการประกอบโรคศิลปะอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะ รวมจำเลยจำคุก 1 ปี 5 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แก้เป็นว่าความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตและความผิดฐานกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเป็นผู้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นกรรมเดียวให้ลงโทษตามความผิดฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก6 เดือน รวมจำเลย จำคุก 1 ปี 3 เดือน เป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อย และยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษายืน