แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้กักกันจำเลยในฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายโดยจำเลยเคยทำผิดต้องโทษจำคุกอันมิใช่ประมาทหรือลหุโทษมา 4 ครั้ง และมาทำผิดฐานชิงทรัพย์อีกโจทก์จึงฟ้องขอให้กักกันจำเลยฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญาแล้วศาลฎีกาเห็นว่าการลงโทษผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479นั้น มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลฎีกาจึงยกบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาอันมีมาตรา 43,41 เป็นต้นมาใช้แทนและชี้ว่าตาม มาตรา43 โจทก์มีอำนาจแยกฟ้องได้แต่ตาม มาตรา 41 จะลงโทษกักกันได้ต่อเมื่อจำเลยเคยต้องโทษกักกันมาแล้ว หรือเคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนไม่น้อยกว่า 2 ครั้งและมาทำผิด จำเลยนี้เคยต้องโทษเกิน 6เดือนครั้งเดียว จึงยังฟ้องให้ลงโทษกักกันจำเลยไม่ได้ ให้ยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษให้จำคุกมาแล้วรวม 4 ครั้งตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ซึ่งไม่ใช่โทษฐานประมาทหรือลหุโทษครั้นวันที่ 7 สิงหาคม 2498 เวลากลางคืนจำเลยได้บังอาจชิงทรัพย์นายสำเริง โลจายะ และถูกพนักงานอัยการฟ้องเป็นคดีอาญา ณ ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ๆ ตัดสินว่าจำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298, 299, 249, 60, 73 และ 59 ให้จำคุก 10 ปี ตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ 494/2498 นับว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย โจทก์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 ม. 8 และ 9
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 8 ให้กักกันจำเลยตามมาตรา 9 มีกำหนด 4 ปี เมื่อพ้นโทษจากคดีแดงที่ 494/2498
จำเลยอุทธรณ์ว่ายังไม่ควรรับโทษกักกัน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์จะฟ้องแยกคดีขอให้ลงโทษกักกันจำเลยมาเป็นเอกเทศโดยมิรอให้คดีที่จำเลยทำผิดอันเป็นเหตุร้ายถึงที่สุดเสียก่อนนั้นไม่ได้ เพราะสิทธิแห่งการฟ้องร้องของโจทก์ยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าคดีเรื่องเหตุร้ายถึงที่สุดก่อน จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องให้กักกันจำเลยแล้ว
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 43 โจทก์แยกฟ้องได้ แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 จะลงโทษกักกันจำเลยได้จำเลยต้องเคยต้องโทษกักกันมาแล้ว หรือเคยต้องโทษมา 6 เดือนไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง จำเลยนี้เคยต้องโทษเกิน 6 เดือนครั้งเดียว จึงยังลงโทษจำเลยไม่ได้ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง