คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 46 (2) ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นภายในระยะ 30 เมตรก่อนถึงทางแยกนั้นหมายความรวมถึงว่า แม้เริ่มขับรถแซงก่อนระยะ 30 เมตร แต่เมื่อมาถึงในระยะดังกล่าวยังแซง ไม่ได้ผู้ขับขี่ก็ต้องหยุดแซงด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ปิกอัพ จำเลยที่ ๑เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทำหน้าที่ขับรถยนต์โดยสาร วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์โดยสารจากจังหวัดเชียงใหม่ไปจังหวัดขอนแก่นตามถนนสายสุโขทัย-พิษณุโลก ครั้นมาถึงจังหวัดพิษณุโลกตรงทางแยกสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยก่อนเข้าอำเภอเมืองพิษณุโลกจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถด้วยความประมาทกล่าวคือ ขับรถด้วยความเร็วสูงกินทางด้านขวาผ่านทางแยก พอดีรถโจทก์ออกจากทางแยก จำเลยที่ ๑ หักหลบทางด้านซ้าย ท้ายรถของจำเลยที่ ๑ ปัดเข้ามาชนหัวรถของโจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายจำนวน๔๗,๔๕๗ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การว่า เหตุที่รถชนกันเป็นความผิดของโจทก์ที่ขับรถเข้ามายังถนนสายสุโขทัย-พิษณุโลก โดยมิได้ระมัดระวังให้รถในทางดังกล่าวผ่านไปก่อน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ และโจทก์ต่างเป็นฝ่ายประมาท แต่โจทก์เป็นฝ่ายประมาทน้อยกว่าให้แบ่งความเสียหายออกเป็น ๓ ส่วน ให้จำเลยรับผิด ๒ ใน ๓ ส่วน พิพากษากลับให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ร่วมกันชดใช้เงินโจทก์ ๒๖,๘๗๖ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ เวลาประมาณ ๑๗ นาฬิกา จำเลยที่ ๑ขับขี่รถยนต์รับจ้างรับส่งคนโดยสารจากจังหวัดเชียงใหม่มุ่งหน้าไปยังจังหวัดขอนแก่น เมื่อมาถึงท้องที่อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลตามถนนสายสุโขทัย-พิษณุโลก จำเลยที่ ๑ ขับขี่แซงเพื่อขึ้นหน้ารถบรรทุก ๑๐ ล้อล้ำเข้าไปในเส้นทางเดินรถของรถที่แล่นสวนทางมาในขณะเดียวกันกับที่โจทก์ขับขี่รถยนต์กระบะมาตามถนนที่ออกมาจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (ป.ช.ส.) จังหวัดพิษณุโลกเพื่อเข้าสู่ถนนสายสุโขทัย-พิษณุโลก อันเป็นทางสามแยกเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันเฉี่ยวชนกันและต่างได้รับความเสียหายโดยจุดชนอยู่ตรงทางแยกห่างจากแนวขอบถนนด้านที่โจทก์ขับขี่รถออกมา ๑.๒๐ เมตร ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มีว่า ที่โจทก์ได้รับความเสียหายนั้นเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ ๑ด้วยหรือไม่ โดยจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ ขับขี่รถยนต์โดยสารแซงเพื่อขึ้นหน้ารถบรรทุก ๑๐ ล้อมาแต่ไกลก่อนระยะ ๓๐เมตร ที่จะถึงที่เกิดเหตุแล้ว แต่ไม่สามารถแซงได้ทันภายในระยะ ๓๐เมตร ก่อนถึงที่เกิดเหตุ เนื่องจากเป็นถนนใหม่ รถต่างก็แล่นด้วยความเร็ว แต่ไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้นเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๖(๒) ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นภายในระยะ ๓๐ เมตรก่อนถึงทางแยกนั้นมิได้หมายความแต่เพียงว่าห้ามมิให้ขับรถแซงหรือเริ่มขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นภายในระยะ ๓๐ เมตร ก่อนถึงทางแยกเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงว่า แม้จะเริ่มขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นก่อนระยะ ๓๐ เมตร ก่อนถึงทางแยกก็ตาม แต่เมื่อมาถึงก่อนระยะ ๓๐ เมตร ก่อนจะถึงทางแยกก็ยังไม่สามารถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นได้ผู้ขับขี่ก็ต้องหยุดแซงและนำรถเข้าสู่เส้นทางของตนทันที
พิพากษายืน.

Share