แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคาร และฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง บัญญัติโทษของผู้ฝ่าฝืนโดยให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัตให้ถูกต้องสำหรับความผิดฐานดัดแปลงอาคารเพื่อ พาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 30,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องสำหรับความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคารและความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองอาคารและมิได้ปฏิเสธว่าเป็นผู้ดัดแปลงอาคารด้วยตนเอง จำเลยจึงเป็นผู้ดำเนินการตามความหมายในมาตรา 4 ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานตามมาตรา 69 การกระทำความผิดของจำเลยยังเป็นการกระทำอันเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรมต้องตามมาตรา 70 ซึ่งบัญญัติโทษของผู้กระทำความผิดเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานอีกด้วย
ความผิดฐานดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ความผิดฐาน ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคาร และความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน ท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคารการกระทำความผิดฐานแรกย่อมเริ่มนับแต่วันที่ดัดแปลงอาคารโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายไปจนถึงวันที่ดัดแปลงอาคารเสร็จ ส่วนการกระทำผิดฐานที่สองและที่สามย่อมเริ่มนับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่งของ เจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคารและห้ามใช้อาคารแล้วฝ่าฝืนคำสั่งไปจนถึงวันที่ดัดแปลงอาคารเสร็จและหยุดใช้อาคาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒, ๔, ๒๑, ๔๐, ๔๑, ๖๕, ๖๗, ๖๙, ๗๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ และปรับจำเลยเป็นรายวันจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๔๔๕/๒๕๔๓ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๕ วรรคหนึ่งและวรรคสอง, ๖๗ วรรคหนึ่งและวรรคสอง, ๖๙, ๗๐ (ที่ถูกต้องปรับบทตามมาตรา ๒๑, ๔๐ ด้วย) เรียงกระทง ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจาก เจ้าพนักงานท้องถิ่นจำคุก ๔ เดือน และปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการ ดัดแปลงอาคารจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๖๐,๐๐๐ บาท และฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคารจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๖๐,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๑๖ เดือน และปรับ ๑๖๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๘ เดือน และปรับ ๘๐,๐๐๐ บาท นอกจากนั้นในความผิดฐานแรกให้ปรับเป็นรายวันวันละ ๓,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ในความผิดฐานที่สองให้ปรับรายวันวันละ ๓,๐๐๐ บาท นับแต่วันทราบคำสั่งเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น เฉพาะส่วนที่คิดถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๖๒ วัน เป็นเงิน ๑๘๖,๐๐๐ บาท และในความผิดฐานที่สามให้ปรับเป็นรายวันวันละ ๓,๐๐๐ บาท นับแต่วันทราบคำสั่งเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น เฉพาะส่วนที่คิดถึงวันฟ้องเป็นเวลา ๖๒ วัน เป็นเงิน ๑๘๖,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ยกคำขอให้นับโทษต่อ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ เห็นว่าศาลชั้นต้นยังไม่ลดโทษปรับรายวันให้จำเลยจึงลดโทษปรับรายวันให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยเป็นรายวันฐานดัดแปลงอาคารเพื่อ พาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นวันละ ๑,๕๐๐ บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน ท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคารวันละ ๑,๕๐๐ บาท และฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคารวันละ ๑,๕๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ความผิดฐานดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคาร และฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๕ วรรคสอง และมาตรา ๖๗ วรรคสอง บัญญัติโทษของผู้ฝ่าฝืนโดยให้ปรับอีกวันละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องสำหรับฐานดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและให้ปรับอักวันละไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ตลอดเวลวที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องสำหรับความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคารและความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองอาคารและมิได้ปฏิเสธว่าเป็นผู้ดัดแปลงอาคารด้วยตนเอง จำเลยจึงเป็นผู้ดำเนินการตามความหมายในมาตรา ๔ ซึ่งต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานตามมาตรา ๖๙ นอกจากนี้การกระทำความผิดของจำเลยยังเป็นการกระทำอันเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรมต้องตามมาตรา ๗๐ ซึ่งบัญญัติโทษของ ผู้กระทำความผิดเป็นสองเท่าของโทษที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานอีกด้วย ดังนั้น โทษที่จำเลยกระทำจึงมีระวางโทษปรับรายวันวันละไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท สำหรับความผิดฐานดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับ ใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น และไม่เกิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท สำหรับความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคารและความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ใช้ดุลพินิจลงโทษปรับจำเลยในแต่ละฐานความผิดเพียงวันละ ๓,๐๐๐ บาท ก่อนลดโทษนั้น นับว่าเบาเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษปรับจำเลยเป็นรายวันสำหรับความผิดฐานดัดแปลงอาคารเพื่อพาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคาร และความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร นับแต่วันทราบ คำสั่งเป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นนั้นยังไม่ถูกต้อง เพราะการกระทำความผิดฐานแรกย่อมเริ่มนับแต่วันที่ดัดแปลงอาคารโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายไปจนถึงวันที่ดัดแปลงอาคารสำเร็จ ซึ่งตามฟ้องระบุว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวระหว่างวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๒ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๒ ส่วนการกระทำความผิดฐานที่สองและ ที่สามย่อมเริ่มนับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคารและห้ามใช้อาคารแล้วฝ่าฝืนคำสั่งไปจนถึงวันที่ดัดแปลงอาคารเสร็จและหยุดใช้อาคาร ซึ่งตามฟ้องระบุว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนคำสั่ง ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๒ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๒ รวม ๖๒ วัน ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยเป็นรายวันวันละ ๑,๕๐๐ บาท สำหรับความผิดฐานดัดแปลงอาคารเพื่อ พาณิชยกรรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นนับแต่วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๒๑ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๒ รวม ๘๗ วัน ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้ระงับการดัดแปลงอาคาร นับแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๒ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๒ รวม ๖๒ วัน และความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามใช้อาคาร นับแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๒ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๒ รวม ๖๒ วัน เป็นเงิน ๑๓๐,๕๐๐ บาท ๙๓,๐๐๐ บาท และ ๙๓,๐๐๐ บาท ตามลำดับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑