แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 282 ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปโดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นกระทำนั้นเองแล้ว หาเป็นความผิดตามมาตรา นี้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๕ กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหลายคนร่วมกันกระทำผิดฉุดคร่าหญิง เพื่ออนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา
จำเลยทุกคนให้การรับสารภาพ
ในวันนัดพิจารณา ผู้เสียหาย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนคำร้องทุกข์ ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒ เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แม้ผู้เสียหาย จะถอนคำร้องทุกก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในการดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ต้องระงับไปด้วย คงระงับไปแต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๘ และ ๒๘๔ เท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒ ให้จำคุกจำเลยคนละ ๒ ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๘ คงให้จำคุกจำเลยคนละ ๑ ปี
่จำเลยทุกคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๒ ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปโดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นกระทำนั้นเองแล้ว หาเป็นความผิดตามมาตรา นี้ไม่ ในคดีนี้ จำเลยร่วมกันฉุดคร่า พานางสาวมาลีผู้เสียหาย ไปก็เพื่อสำเร็จความใคร่ของจำเลยที่ ๑ เอง หาใช่รวมกันพาไปให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่ จริงอยู่สำหรับจำเลยอีก ๔ คน นอกจากจำเลยที่ ๑ ไม่ได้สำเร็จความใคร่ด้วย แต่จำเลยทั้งสี่กับจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกันกระทำการฉุดคร่าพานางสาวมาลีผู้เสียหายไปด้วยกัน จะแยกกรรมที่ประกอบร่วมกันนี้ให้ตกเป็นความผิดแก่จำเลยทั้งสี่ว่าได้ฉุดคร่าพาผู้เสียหาย ไปนั้น มิใช่เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นนั่นเอง และจะอย่างไรก็ตาม การที่จำเลยร่วมกันฉุดคร่า พานางสาวมาลีผู้เสียหายไปนั้น เป็นการใช้กำลังข่มขืนใจ จะปรับด้วย มาตรา ๒๘๒ ก็ไม่ได้อีก ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน