คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปโดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเองแล้ว หาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีกหลายคนร่วมกันกระทำผิดฉุดคร่าหญิงเพื่ออนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา

จำเลยทุกคนให้การรับสารภาพ

ในวันนัดพิจารณา ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนคำร้องทุกข์ ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสิ้น

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แม้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในการดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ต้องระงับไปด้วยคงระงับไปแต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 278 และ 284 เท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ให้จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี

จำเลยทุกคนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเองแล้วหาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่ ในคดีนี้ จำเลยร่วมกันฉุดคร่าพานางสาวมาลีผู้เสียหายไปก็เพื่อสำเร็จความใคร่ของจำเลยที่ 1 เองหาใช่ร่วมกันพาไปให้สำเร็จความใคร่ของผู้ใดอื่นไม่ จริงอยู่สำหรับจำเลยอีก 4 คน นอกจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้สำเร็จความใคร่ด้วย แต่จำเลยทั้งสี่กับจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันกระทำการฉุดคร่าพานางสาวมาลีผู้เสียหายไปด้วยกัน จะแยกกรรมที่ประกอบร่วมกันนี้ให้ตกเป็นความผิดแก่จำเลยทั้งสี่ว่าได้ฉุดคร่าพาไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นไม่ใช่ตนเองหาได้ไม่ต้องถือว่าจำเลยทุกคนร่วมกันฉุดคร่าพาผู้เสียหายไปนั้น มิใช่เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นอยู่นั่นเอง และจะอย่างไรก็ตาม การที่จำเลยร่วมกันฉุดคร่าพานางสาวมาลีผู้เสียหายไปนั้น เป็นการใช้กำลังข่มขืนใจจะปรับด้วยมาตรา 282 ก็ไม่ได้อีก ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share