คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8237/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในขณะแรกที่จำเลยเข้าครอบครองพื้นที่พิพาท จำเลยได้ทำสัญญาเช่าช่วงกับโจทก์ มีความผูกพันกับโจทก์ตามสัญญาเช่าช่วง จำเลยย่อมมีหน้าที่ตามสัญญาที่จะต้องชำระเงินค่าเช่าให้โจทก์ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิรับชำระหนี้เงินค่าเช่า ซึ่งจำเลยก็ได้ชำระเงินค่าเช่าให้โจทก์ตลอดมาจนถึงเดือนมีนาคม2534 ก็ตาม แต่ต่อมาจำเลยได้รับแจ้งจากบริษัท อ. เจ้าของพื้นที่พิพาทแจ้งให้ทราบว่า ส.ผู้เช่าพื้นที่พิพาทและโจทก์ทั้งสองหมดสิทธิในสัญญาเช่าที่ทำกับบริษัท อ.ดังกล่าวแล้ว ให้จำเลยไปทำสัญญาเช่ากับบริษัท อ. และชำระค่าเช่าแก่บริษัท อ.โดยตรง มิฉะนั้นก็ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากพื้นที่พิพาท อีกทั้งภายหลังปรากฏว่าบริษัท อ.ได้ฟ้องขับไล่ ส. กับได้เรียกให้ พ.ผู้เช่าช่วงพื้นที่พิพาทจาก ส.เข้าไปเป็นจำเลยร่วมด้วย จำเลยจึงได้ไปทำสัญญาเช่าพื้นที่พิพาทจากบริษัท อ.มีผลการเช่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2534 ดังนี้จะเห็นได้ว่าบุคคลผู้ตกอยู่ในภาวะเช่นจำเลยซึ่งมีเจตนาจะเช่าพื้นที่พิพาทไม่สามารถจะหยั่งรู้ถึงสิทธิในการให้เช่าพื้นที่พิพาทได้แน่นอนว่าระหว่างโจทก์และบริษัท อ.ซึ่งต่างก็อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิให้เช่าพื้นที่พิพาทได้ทั้งสองฝ่ายว่าใครจะเป็นผู้มีสิทธิอันแท้จริงกันแน่ จำเลยจึงได้นำเงินค่าเช่าตั้งแต่เดือนเมษายน 2534 ไปวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์ตลอดมา จำนวนเงินค่าเช่าแต่ละเดือนที่จำเลยวางไว้เป็นเงินเดือนละ 14,400 บาท เท่ากับค่าเช่าที่ตกลงไว้กับโจทก์ซึ่งมากกว่าที่จำเลยตกลงไว้กับบริษัท อ.เจ้าของพื้นที่พิพาท การวางเงินค่าเช่าของจำเลยดังกล่าวก็โดยเจตนาจะชำระค่าเช่าเพื่อประโยชน์แก่โจทก์หรือบริษัท อ.เจ้าของพื้นที่พิพาท เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิอันแท้จริงซึ่งจำเลยไม่อาจจะหยั่งรู้ได้แน่นอนนั่นเอง มิได้วางเพียงเพื่อประโยชน์แก่บริษัท อ.เจ้าของพื้นที่พิพาทเท่านั้น เพราะมิฉะนั้นจำเลยคงไม่วางเงินค่าเช่าเป็นเงินเดือนละ14,400 บาท ตามที่ตกลงกับโจทก์ และการที่จำเลยวางเงื่อนไขในการรับเงินว่าต้องเป็นเจ้าหนี้ที่มีคำสั่งศาลถึงที่สุดมาแสดง ซึ่งมีความหมายว่าศาลมีคำสั่งฟังได้ว่าเจ้าหนี้ผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิในการให้เช่านั่นเอง จำเลยจำเป็นต้องวางเงื่อนไขดังกล่าวก็เนื่องมาจากความไม่สามารถจะหยั่งรู้ถึงสิทธิอันแน่นอนระหว่างโจทก์กับบริษัทเจ้าของพื้นที่ ทั้งก็เป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งสองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งมีสิทธิอันแท้จริง หากไม่วางเงื่อนไขดังกล่าวโจทก์หรือบริษัท อ.เจ้าของพื้นที่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจขอรับเงินที่จำเลยวางไว้โดยยังมิได้พิสูจน์สิทธิอันแท้จริงไปก็ได้ ดังนั้นการวางเงินค่าเช่าของจำเลยดังกล่าวมีเหตุผลโดยชอบ และมิใช่ความผิดของจำเลย จำเลยมีสิทธิที่จะวางทรัพย์ชำระเงินค่าเช่าได้ อันเป็นผลให้จำเลยหลุดพ้นจากหนี้ค่าเช่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 331 จำเลยจึงหาเป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่าแก่โจทก์ไม่ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าช่วงและฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

Share