คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยที่ต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องโจทก์ว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีสาขาในประเทศไทย หรือไม่ และมอบอำนาจให้ พ. ฟ้องคดีนี้หรือไม่ ไม่รับรู้และรับรองนั้นคำให้การดังกล่าวมิได้ปฏิเสธไว้ชัดแจ้ง จึงไม่เป็นประเด็นพิพาท โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนแต่โจทก์มิได้บรรยายให้ปรากฏในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของ ล. ในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์ต่อกันอย่างไร จึงฟังไม่ได้ว่า ล. มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อันจะเป็นเหตุให้ ล.ต้องร่วมรับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าเสียหายในกรณี ล. ต้องรับผิดเมื่อ ล. ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน6ง-9101 กรุงเทพมหานคร ไว้จากบริษัทเอเซีย จำกัด จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกสิบล้อหมายเลข ทะเบียน 80-1508อยุธยา ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้ต่อจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวด้วยความประมาทแล่นชนรถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน 6ง-9101กรุงเทพมหานคร เสียหาย โจทก์ได้ชำระ ค่าซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้วจึงรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหาย จากจำเลยทั้งสอง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 107,514.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 100,500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีสาขาในประเทศไทย จะมอบอำนาจให้นายพิชัย จุฬาโรจน์มนตรีฟ้องคดีหรือไม่ จำเลยไม่รับรู้และรับรอง จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเพราะจำเลยที่ 2 จะรับผิดต่อเมื่อนายเล็ก แหยมดอนไพรผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดเท่านั้น เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 6ง-9101 กรุงเทพมหานคร ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์95,972 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่9 กันยายน 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองในปัญหาแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้นำผู้รับมอบอำนาจของโจทก์มาเบิกความรับรองเอกสารหมายจ.5 คงมีแต่นายมนตรี รัตนสาขา ซึ่งเป็นเพียงพนักงานประเมินความเสียหายของโจทก์ไม่มีส่วนรู้เห็นในการมอบอำนาจนี้แต่อย่างใดจึงรับฟังไม่ได้นั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีสาขาในประเทศไทยหรือไม่และมอบอำนาจให้นายพิชัย จุฬาโรจน์มนตรี ฟ้องคดีนี้หรือไม่ ไม่รับรู้และรับรองอันเป็นคำให้การที่มิได้ปฏิเสธไว้ชัดแจ้งว่าโจทก์ไม่เป็นนิติบุคคลอย่างไร และไม่ได้คัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท แม้โจทก์จะนำสืบนายมนตรีซึ่งเป็นเพียงพนักงานประเมินความเสียหายของโจทก์รับรองเอกสารหมาย จ.5 ก็รับฟังได้ว่า เอกสารหมาย จ.5 นั้นเป็นหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่ถูกต้องแท้จริง หาจำเป็นจะต้องนำสืบผู้รับมอบอำนาจแต่อย่างใดไม่ฎีกาในข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ในปัญหาต่อไป จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกสิบล้อหมายเลขทะเบียน 80-1508อยุธยา อันเป็นรถยนต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้ โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้ให้ปรากฏเลยว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของนายเล็กแหยมดอนไพร คันดังกล่าวในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับนายเล็ก จึงฟังไม่ได้ว่านายเล็กเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อันเป็นเหตุให้นายเล็กต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ครั้งนี้ จำเลยที่ 2ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่นายเล็กต้อง รับผิดชอบ เมื่อนายเล็กไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2ในข้อนี้ฟังขึ้น และศาลฎีกาฟังว่า โจทก์เสียหายทั้งสิ้นเป็นเงิน93,402 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 93,402 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 93,402 บาทนับแต่วันที่ 9 กันยายน 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยก่อนฟ้องมิให้เกิน 7,104.06 บาท.

Share