แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การพิจารณาถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าชนิดใดจะต้องนำราคาขายส่งเงินสดของสินค้าอย่างเดียวกันมาเป็นเครื่องเปรียบเทียบ เมื่อสินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นอะไหล่ยานยนต์เทียมจึงจะนำราคาอะไหล่ยานยนต์แท้มาเปรียบเทียบและลดราคาลงร้อยละ20 ดังที่คำสั่งทั่วไปของจำเลยระบุไว้หาได้ไม่และเมื่อจำเลยมิได้นำสืบว่าราคาตามระเบียบดังกล่าวถือได้ว่าเป็นราคาของหรือราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้เพียงใด จึงไม่มีข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าโจทก์จะต้องชำระค่าอากรตามระเบียบดังกล่าว การประเมินราคาสินค้าเพิ่มของจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อสินค้าอะไหล่ต่าง ๆ ที่ใช้กับเครื่องยนต์และรถยนต์จากประเทศบราซิลเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายรวม 53 รายการ ราคาเอฟ.โอ.บี. คิดเป็นเงินไทยรวม321,099.47 บาท โจทก์ได้ยื่นใบขนสินค้าและแบบแสดงรายการการค้าแสดงราคาสินค้าและเงินภาษีอากรที่คำนวณได้ต่อเจ้าพนักงานของจำเลยเจ้าพนักงานของจำเลยอ้างว่าราคาสินค้าของโจทก์ต่ำกว่าราคาประเมินของจำเลย จึงประเมินราคาสินค้าให้โจทก์เพิ่มราคาและค่าภาษีอากรทำให้โจทก์ต้องเสียเงินภาษีอากรเพิ่ม 140,372 บาท สินค้าที่โจทก์นำเข้ามา โจทก์ซื้อตามราคาที่ผู้ขายได้เสนอขายแก่โจทก์และโจทก์ได้แสดงไว้ในใบสินค้านั้น เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ส่วนราคาสินค้าที่จำเลยคำนวณจำเลยกำหนดขึ้นเองจากของซึ่งไม่เหมือนกันของโจทก์ การประเมินราคาเพิ่มของจำเลยจึงไม่ชอบ ขอให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า สินค้าอะไหล่ยานยนต์ของโจทก์ที่นำเข้าเป็นสินค้ใช้ทดแทนอะไหล่แท้สำหรับใช้กับรถยนต์โฟล์คสวาเก้นซึ่งผลิตในประเทศเยอรมนีตะวันตกสินค้าของโจทก์ผลิตในประเทศบราซิล เป็นสินค้าที่ไม่เหมือนกับอะไหล่แท้ ในการประเมินราคาสินค้าเพิ่มขึ้นนั้นเจ้าพนักงานของจำเลยได้ปฏิบัติตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 28/2527โดยได้ใช้ราคาอะไหล่แท้ยี่ห้อโฟล์คสวาเก้นตามบัญชีแจ้งราคาสินค้าของบริษัทคอมเมอร์เซียลมอร์เตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้สั่งอะไหล่แท้เข้ามาเป็นเกณฑ์แล้วลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ การประเมินชอบด้วยกฎหมายแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอากรขาเข้าโดยให้เรียกเก็บอากรขาเข้า สำหรับราคาสินค้าตามที่ปรากฏในบัญชีราคาสินค้าเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 6 และ 7โดยให้จำเลยคืนเงินค่าอากรขาเข้าส่วนที่เรียกไว้เกินให้โจทก์ กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ชำระอากรขาเข้า จนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยประเด็นเดียวว่า การประเมินราคาสินค้าเพิ่มขึ้นโดยเจ้าพนักงานของจำเลยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 ทวิ วรรคสอง บัญญัติว่าการคำนวณค่าภาาีให้ถือตามสภาพของ ราคาของ และพิกัดอัตราศุลกากรที่เป็นอยู่ในเวลาที่ความรับผิดในอันจะต้องเสียค่าภาษีเกิดขึ้นและตามมาตรา 2 ได้นิยามความหมายของคำว่า “ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด”หรือ “ราคา” แห่งของอย่างใด นั้น หมายความว่าราคาขายส่งเงินสด(ในส่วนของขาเข้าไม่รวมค่าอากร) ซึ่งจะพึงขายของประเภท และชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลา และที่ที่ของนำเข้า โดยไม่มีหักทอนหรือลดหย่อนราคาอย่างใด ฉะนั้นราคาที่สมควรกำหนดเพื่อเรียกเก็บภาษีจึงต้องเป็นราคาในเวลาที่นำของเข้า ในข้อนี้โจทก์นำสืบว่าได้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาสินค้าที่โจทก์ได้แสดงไว้ในแบบแสดงรายการการค้า ตามเอกสารหมายล.1 แผ่นที่ 2-5 ซึ่งตรงกับราคาสินค้าที่บริษัทผู้ขายส่งมาให้โจทก์ตามเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 6, 7 และโจทก์ได้สั่งซื้อสินค้าโดยการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตผ่านทางธนาคารมหานคร จำกัด สำนักงานใหญ่ต่อมาโจทก์ได้ชำระราคาสินค้าให้แก่ธนาคารไปและธนาคารออกใบเสร็จรับเงินให้ปรากฏรายละเอียดตามเอกสารหมาย จ.1 เอกสารทั้งหมดดังกล่าวมาล้วนแสดงราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าตรงกัน ส่วนจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งในเรื่องนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้แสดงราคาสินค้าจากผู้ขายส่งตามราคาที่เป็นจริง นอกจากนี้จำเลยยังนำสืบรับว่าโจทก์ได้แสดงราคาสินค้า ซี.ไอ.เอฟ. ซึ่งหมายถึงราคาค่าประกันภัยค่าบรรทุกรวมอยู่ด้วย ตามเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 12, 13 แม้โจทก์จะมิได้แสดงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมอยู่ด้วยเพื่อแสดงว่าจะขายสินค้าโดยไม่ขาดทุนก็ตาม แต่การแสดงราคา ซี.ไอ.เอฟ. ก็เป็นการแสดงราคาขายส่งเงินสดซึ่งจะพึงขายสินค้าที่นำเข้าโดยไม่ขาดทุน ณ เวลาและที่ที่นำของเข้า พอให้ถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดแล้ว และจำเลยก็มิได้นำสืบหักล้างให้เห็นว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดไม่เป็นไปตามที่โจทก์นำสืบ ทางนำสืบของโจทก์จึงมีน้ำหนักฟังได้ว่าราคาที่โจทก์แสดงในใบขนสินค้าขาเข้าเป็นราคาของเพื่อการคำนวณค่าภาษีอากรแล้ว ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า เจ้าพนักงานได้ทำการประเมินโดยอาศัยคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 28/2527 เรื่องระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการประเมินราคาอะไหล่ยานยนต์ ซึ่งระเบียบดังกล่าวกำหนดให้คิดราคาสินค้าของโจทก์ลดลงร้อยละ 20 ของราคาอะไหล่แท้นั้นเห็นว่า การพิจารณาถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าชนิดใดจะต้องนำราคาขายส่งเงินสดของสินค้าอย่างเดียวกันมาเป็นเครื่องเปรียบเทียบเมื่อสินค้าที่โจทก์นำเข้านี้เป็นอะไหล่ยานยนต์เทียม จึงจำนำราคาอะไหล่ยานยนต์แท้มาเปรียบเทียบและลดราคาลงร้อยละ 20ดังที่คำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 28/2527 ระบุไว้หาได้ไม่ อนึ่งจำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าราคาตามระเบียบดังกล่าวถือได้ว่าเป็นราคาของหรือราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้เพียงใด จึงไม่มีข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าโจทก์จะต้องชำระค่าอากรตามระเบียบดังกล่าวพยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าการประเมินราคาสินค้าเพิ่มขึ้นของเจ้าพนักงานของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังคำวินิจฉัยของศาลภาษีอากรกลาง อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ชำระอากรขาเข้านั้นเป็นการพิพากษาเกินคำขอทั้งนี้เพราะโจทก์ขอให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ศาลฎีกาก็เห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้นให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง.