คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคน และโจทก์กับจำเลยบางคนได้ทำสัญญายอมความกันต่อศาลและศาลได้พิพากษาให้เสร็จไปตามยอมนั้นแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยผู้ยกข้อต่อสู้ที่อาจทำให้หลุดพ้นความรับผิดและทั้งมิได้ลงชื่อในสัญญายอมความนั้นด้วยไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ย. จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป 1,360 บาท โดย ร. และ ง. จำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ครั้น ย. ผิดนัดไม่ชำระเงินที่กู้และดอกเบี้ยที่ค้างชำระ โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสามคนนี้ ร. และ ง. จำเลยปฏิเสธว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ ย. จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้น ฉะนั้นตนซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นจากความรับผิดครั้นถึงวันพิจารณา ย. จำเลยกับโจทก์ตกลงทำสัญญายอมความกันต่อศาลว่า ย. จำเลยยอมใช้เงินทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้างรวม 1,660 บาทให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือน สัญญายอมความนี้ ร. และ ง. จำเลยผู้ค้ำประกันหาได้ลงชื่อด้วยไม่ และศาลได้พิพากษาคดีเสร็จไปตามยอมแล้ว ครั้นครบกำหนดตามสัญญายอมความโจทก์บังคับเอาเงินจาก ย. ไม่ได้ จึงร้องขอให้ศาลบังคับ ร. และ ง. จำเลยผู้ค้ำประกัน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าชั้นเดิมโจทก์ฟ้องคดีเรียกเงินกู้ทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกัน ครั้นผู้ค้ำประกันต่อสู้ความหลายข้อซึ่งอาจทำให้ผู้ค้ำประกันพ้นผิดได้ โจทก์กลับมายอมความเอาแก่ ย.จำเลยผู้กู้แต่ผู้เดียว ต้องถือว่าโจทก์จำนนแก่ข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกันและสละสิทธิเสียไม่เรียกร้องเอาแก่ผู้ค้ำประกัน คงบังคับเอาแก่ผู้กู้คนเดียว และศาลก็ได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว จะรื้อมาฟ้องร้องอีกไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง 2 ให้ยกฎีกาโจทก์ในข้อนี้เสีย

Share