คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8222/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 39 และเจตนารมณ์ตามหมายเหตุท้าย พ.ร.บ. ดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่า ที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 จะโอนสิทธิในที่ดินไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่ตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม การให้โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 ต้องถือว่าเป็นการโอนสิทธิในที่ดินเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นย่อมก่อให้เกิดการเลี่ยงกฎหมายโดยวิธีการทำกินต่างดอกเบี้ย จึงมิอาจพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 192,000 บาท หากไม่ชำระให้โจทก์เข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินของนางเสือน หากไม่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 192,000 บาท แก่โจทก์ แต่ไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 4,000 บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินของนางเสือน เลขที่ 2543 นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 9 กรกฎาคม 2545) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติโดยคู่ความไม่โต้แย้งว่า จำเลยเป็นทายาทผู้รับมรดกและเป็นผู้จัดการมรดกของนางเสือน นางเสือนได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 เลขที่ 2543 เล่ม 26 หน้า 43 อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ขณะมีชิวิตนางเสือนทำสัญญากู้เงินจากโจทก์ 2 ครั้ง เป็นเงิน 192,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย โดยให้โจทก์เข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในเขตปฏิรูปที่ดินดังกล่าว เมื่อนางเสือนถึงแก่ความตายทรัพย์มรดกตกทอดแก่จำเลยซึ่งเป็นทายาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำขอของโจทก์เรื่องที่ให้โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินตาม ส.ป.ก 4-01 ส่วนศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 เลขที่ 2543 หรือไม่ ตรวจดูเอกสารดังกล่าวที่ด้านหลังของ ส.ป.ก. 4-01 ระบุเป็นตัวอักษรสีแดงว่าห้ามแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินไปยังผู้อื่น และด้านล่างมีข้อความว่าเกษตรกรผู้ได้รับเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 มีหน้าที่ปลูกไม้ยืนต้นหรือไม้ผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของเนื้อที่ที่ได้รับจาก ส.ป.ก. ต่อจากนั้นมีข้อความเพิ่มเติมอีกว่า “ที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะทำการแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นไม่ได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรมหรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกรหรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ เงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง” ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นเป็นข้อความจากพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 39 นอกจากนี้ท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวยังมีเจตนารมณ์ตามหมายเหตุระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพในการเกษตรที่ดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นรากฐานเบื้องต้นของการผลิตทางเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันปรากฏว่าเกษตรกรกำลังประสบความเดือดร้อนเนื่องจากต้องสูญเสียสิทธิในที่ดินและกลายเป็นผู้เช่าที่ดินต้องเสียค่าเช่าที่ดินในอัตราสูงเกินสมควร ที่ดินขาดการบำรุงรักษาจึงทำให้อัตราผลิตผลเกษตรกรรมอยู่ในระดับต่ำ เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสียเปรียบจากระบบการเช่าที่ดินและการจำหน่ายผลิตผลตลอดมา ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะความยุ่งยากทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม การปกครองและการเมืองของประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วนที่สุดเพื่อช่วยให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินและให้การใช้ที่ดินเกิดประโยชน์มากที่สุดพร้อมกับการจัดระบบการผลิตและจำหน่ายผลิตผลเกษตรกรรมเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกร ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองแนวนโยบายแห่งรัฐในการลดความเหลื่อมล้ำในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคมตามที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น จากบทบัญญัติตามมาตรา 39 และหมายเหตุดังกล่าวจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 นั้นจะโอนสิทธิในที่ดินไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่ตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม การให้โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 จึงต้องถือว่าเป็นการโอนสิทธิในที่ดินเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นย่อมก่อให้เกิดการเลี่ยงกฎหมายโดยใช้วิธีการทำกินต่างดอกเบี้ย ศาลจึงมิอาจพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิเข้าทำกินต่างดอกเบี้ยในที่ดินตาม ส.ป.ก. 4-01 ได้ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share