แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ ความจำเป็นของโจทก์คือมีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะ ประกอบกับทางพิพาทในสภาพปัจจุบันซึ่งมีความกว้างประมาณ 80 ถึง 90 เซนติเมตร ซึ่งพอสมควรแก่การที่จะใช้เป็นทางจำเป็นสำหรับเดินผ่านในสภาพสำหรับเป็นทางเดินได้แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงยังรับฟังได้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางพิพาทมีความกว้างแน่นอนเท่าใด การที่จะเปิดทางจำเป็นให้กว้างประมาณ 1 เมตร โดยจำเลยจะต้องทุบผนังบ้านจำเลยออก 1 ด้านนั้น เมื่อคำนึงถึงความเสียหายของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ กรณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดทางจำเป็นในที่ดินของจำเลยให้มีความกว้างถึง 1 เมตร ศาลฎีกาจึงกำหนดให้ทางจำเป็นมีความกว้างประมาณ 80 ถึง 90 เซนติเมตร ตามสภาพที่ใช้เป็นทางเดินในปัจจุบันเท่านั้น
ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้น เมื่อทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว โจทก์มีสิทธิใช้ทางดังกล่าวได้โดยอำนาจของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 จึงไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนทางจำเป็นตามคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์เสีย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 168131 ตำบลวังทองหลางอำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ด้านทิศเหนือซึ่งมีความกว้าง 1.20 เมตร โดยวัดจากหลักหมุด ท1.1031 และหลักหมุด ก.06897 เข้ามา ความยาวตลอดแนวของที่ดินดังกล่าว ตกเป็นภารจำยอมหรือทางจำเป็นของที่ดินโฉนดเลขที่ 111229ตำบลวังทองหลาง อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนภารจำยอมหรือทางจำเป็นให้แก่โจทก์ หากไม่ไปดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และห้ามจำเลยปิดกั้นทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นกับห้ามกระทำการใด ๆ อันเป็นการกีดขวาง หรือทำให้ประโยชน์ของทางภารจำยอมหรือทางจำเป็นเสื่อมถอยหรือลดน้อยลง
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 168131 ตำบลวังทองหลางอำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ด้านทิศเหนือมีความกว้าง 1.20 เมตร โดยวัดจากหลักหมุด ท1.1031 และหลักหมุด ก.06897 เข้ามา ความยาวตลอดแนวของที่ดินดังกล่าวตกเป็นทางจำเป็นของที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 111229 ตำบลวังทองหลาง อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ห้ามจำเลยปิดกั้นทางจำเป็นและกระทำการใดอันเป็นการกีดขวางหรือทำให้ประโยชน์ของทางจำเป็นเสื่อมหรือลดน้อยถอยลง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ทางพิพาทมีความกว้าง 1 เมตร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังได้เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคแรก มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกา จำเลยเพียงประการเดียวว่า ทางพิพาทมีความกว้าง 80 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร โจทก์มีตัวโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า ทางพิพาทกว้าง 1 เมตร 20 เซนติเมตร ยาวตลอดแนวเขตที่ดิน นายณรงค์ ยากลิ่นหอม พยานโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการชุมชนลาดพร้าว 91เบิกความว่า ทางพิพาทเดิมเป็นสะพานไม้กว้างประมาณ 1 เมตร ส่วนจำเลยเบิกความว่าทางพิพาทมีความกว้างไม่เท่ากันตลอดโดยมีความกว้างตั้งแต่ 70 เซนติเมตร ถึง 90 เซนติเมตร ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากพยานโจทก์และจำเลยดังกล่าว ไม่ปรากฏจากคำเบิกความของพยานโจทก์และจำเลยปากใดเลยว่า เคยมีการวัดความกว้างของทางพิพาทให้เป็นที่แน่นอนว่าทางพิพาทมีความกว้างดังเช่นที่พยานแต่ละปากเบิกความไว้จริงหรือไม่ จึงไม่อาจรับฟังให้เป็นที่แน่นอนว่าทางพิพาทมีความกว้างเท่าใด เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 วรรคสาม บัญญัติว่า ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ เมื่อพิเคราะห์ถึงความจำเป็นตามทางนำสืบของโจทก์คือมีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะ ประกอบกับทางพิพาทในสภาพปัจจุบันตามภาพถ่ายหมาย จ.10 และ จ.11 กับภาพถ่ายท้ายฎีกาของจำเลยหมายเลข 1 ซึ่งมีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ถึง 90 เซนติเมตร จึงพอสมควรแก่การที่จะใช้เป็นทางจำเป็นสำหรับเดินผ่านในสภาพสำหรับเป็นทางเดินได้แล้ว อีกทั้งข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยก็ยังรับฟังได้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางพิพาทมีความกว้างแน่นอนเท่าใด การที่จะเปิดทางจำเป็นให้กว้างประมาณ 1 เมตร โดยจำเลยจะต้องทุบผนังบ้านจำเลยออก 1 ด้านนั้น เมื่อคำนึงถึงความเสียหายของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดทางจำเป็นในที่ดินของจำเลยให้มีความกว้างถึง 1 เมตร ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดให้ทางจำเป็นมีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ถึง 90 เซนติเมตร ตามสภาพที่ใช้เป็นทางเดินในปัจจุบันเท่านั้น
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้นเห็นว่า เมื่อทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว โจทก์มีสิทธิใช้ทางดังกล่าวได้โดยอำนาจของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 จึงไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนทางจำเป็นตามคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ทางพิพาทมีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ถึง90 เซนติเมตร ตามสภาพที่ใช้เป็นทางเดินในปัจจุบัน ให้ยกคำขอของโจทก์ในส่วนที่ให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนทางจำเป็นแก่โจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์