แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความคำสั่งนี้ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์หรือให้เป็นที่สุดเมื่อโจทก์มิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายโจทก์ขอถอนตัวโดยตัวความไม่ทราบเรื่องและเข้าใจผิดคิดว่าทนายของตนทำหน้าที่อยู่กรณีดังนี้จะถือว่าโจทก์จงใจขาดนัดไม่ได้ คดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 203
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามเช็ครวม 14 ฉบับ ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง และนำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดจากโจทก์โดยวิธีขายลดเช็คเป็นเงินทั้งสิ้น 1,129,688.68 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี ในต้นเงิน 1,003,000 บา นับจากวันฟ้องจนกว่าจะใช้เสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ปฏิเสธอำนาจฟ้องของโจทก์และว่าไม่ได้สลักหลังเช็ค ไม่ได้นำเช็คมาขายลดให้โจทก์
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์เสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์มิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ แต่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีในกรณีคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์หรือบัญญัติให้คำสั่งนี้เป็นที่สุดแต่อย่างใด ฉะนั้น โจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีในกรณีนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์เสียนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 27 สิงหาคม 2519 เวลา08.30 นาฬิกา ปรากฏว่าศาลได้ส่งหมายกำหนดวันนัดสืบพยานให้จำเลยทั้งสองทราบโดยชอบแล้ว ส่วนโจทก์นั้นมีนายเชิดทนายโจทก์เป็นผู้ทราบวันนัดแทนครั้นวันที่ 20 สิงหาคม 2519 นายเชิดทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนตนจากการเป็นทนายของโจทก์ ศาลสั่งคำร้องนั้นว่า “สำเนาให้โจทก์ รอฟังคำสั่งวันนัด” แต่ในสำนวนไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวของทนายโจทก์ดังกล่าวนั้นให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวความทราบ เมื่อถึงวันนัดปรากฏว่าไม่มีคู่ความฝ่ายใดมาศาลเลย นายเชิดทนายโจทก์ซึ่งขอถอนตัวและศาลนัดให้มาฟังคำสั่งในวันนัดก็ไม่มาเช่นกัน พฤติการณ์เป็นดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นเรื่องทนายโจทก์ขอถอนตัวโดยตัวความไม่ทราบเรื่อง และการที่โจทก์ไม่มาศาลก็เพราะเข้าใจผิดคิดว่ามีทนายของตนทำหน้าที่อยู่นั่นเอง จะถือว่าโจทก์จงใจขาดนัดหาได้ไม่ คดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 203 เพื่อให้โจทก์มีโอกาสทราบวันนัดสืบพยานและทราบว่าทนายของตนได้ขอถอนตัวจากการเป็นทนายแล้ว เพื่อโจทก์จะได้มีโอกาสหาทนายใหม่มาว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์เสียและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์เสียด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป โดยเริ่มนัดสืบพยานโจทก์ใหม่